สุดเศร้า! ลูกชายเหยื่อตำรวจปืนลั่น หลั่งน้ำตา ขาดพ่อห่วงไม่ได้เรียนต่อ
28 ก.ค. 2563, 15:47
วันที่ 28 ก.ค. 2563 ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานความคืบหน้าล่าสุด เกี่ยวกับคดีตำรวจยิงชายเมาอาละวาดเสียชีวิต ขณะเข้าไปควบคุมระงับเหตุ กรณี ร.ต.ท.วิจิตร บางปา อายุ 58 ปี รองสารวัตรสืบสวน ปฏิบัติงานป้องกันปราบปราม สภ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เข้าไปควบคุมเหตุหลังมีญาติแจ้งให้ไปควบคุมตัว นายลำเพย จำปา หรือปุ้ง อายุ 48 ปี เมาอาละวาด ภายในบ้านเลขที่ 274 หมู่ 1 ต.บ้านค้อ จนกระทั่งเกิดเหตุเศร้าสลด เนื่องจากมีการทำร้ายร่างกายกันโดยนายลำเพย ใช้อาวุธมีดฟันตำรวจ ขณะพยายามเข้าไประงับเหตุ เกดการต่อสู้กัน และทางร.ต.ท.วิจิตรได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.ยิงจนเสียชีวิต แต่หลังเกิดเหตุทางญาติ ได้ นำหลักฐานคลิปเหตุการณ์ออกมาเผยแพร่ และเรียกร้องขอความเป็นธรรม และเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจนายดังกล่าว เพื่อเอาผิดตามกฎหมาย เนื่องจากกระทำเกินกว่าเหตุ เเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย และชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น
ทางด้าน พ.ต.อ.กวีศักดิ์ สุขบาง ผกก.สภ.โพนสวรรค์ ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น กับ ร.ต.ท.วิจิตรฐานความผิด กระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยทางพนักงานสอบสวนพิจารณา ให้ปล่อยตัวชั่วคราว เพราะเชื่อว่าจะไม่หลบหนี ไม่ต้องส่งตัวขออนุมัติศาลขอฝากขัง นอกจากนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้มีคำสั่งย้ายออกจากพื้นที่ ให้ไปช่วยราชการ ประจำที่ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินคดี ทั้งนี้ทางตำรวจยืนยัน ว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และจะไม่เข้าข้างตำรวจ หากพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำผิดตามกฎหมาย ซึ่งยังต้องรอการสอบสวน รวมถึงส่งศพผู้ตายไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช จังหวัดขอนแก่น ในเช้าวันที่ 29 กรกฎาคม นี้ เพื่อนำมาสรุปพยานหลักฐาน ทำสำนวนส่งฟ้องต่อไป ในส่วนของคดีอาญา หากพบหลักฐานเพิ่มเติมจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีก และในส่วนของการสอบสวนทางวินัยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และรอผลสรุปตามขั้นตอน มีโทษสูงสุดถึงไล่ออกจากราชการ
ขณะเดียวกันทางด้าน นางสาวโยธกา จันทองหลาง อายุ 30 ปี หลานสาวผู้ตาย ออกมายืนยันว่าการกระทำดังกล่าวทางญาติพี่น้อง ยังรับไม่ได้ เพราะเชื่อว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย ไม่ใช่ปืนลั่น แต่เป็นการจ่อยิงจากอารมณ์ของตำรวจ มีพยานหลายคนเห็นเหตุการณ์ และยังมีคลิปหลักฐานยืนยัน ถือว่าโหดร้ายเกินไป ส่วนพื้นฐานของนายลำเพยผู้ตาย เป็นคนขยันทำงานรับจ้างทุกอย่าง ชีวิตน่าสงสาร เมียแยกทางกัน จึงต้องดูแลลูกชาย ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ซึ่งมีแม่ของตนที่เป็นพี่สาวคือ นางทองคำ เคนโสม ดูแลช่วย โดยนายลำเพยจะไปรับจ้างทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ดูแลลูกชายตลอด เป็นคนต่อสู้ชีวิต ปัจจุบันลูกชายคนเดียวอายุ 15 ปีแล้ว สำหรับปัญหาพฤติกรรมของนายลำเพย เมื่อประมาณ 1-2 ปี ที่ผ่านมา เริ่มติดเหล้า บางทีเมาขาดสติโวยวาย แต่ไม่เคยมีประวัติทำร้ายใคร แต่พอหายเมาจะคุยรู้เรื่องไม่ค่อยพูดจากับใคร หลังทำงานรับจ้างก็จะเอาเงินมาให้พี่สาว เหลือติดกระเป๋ากินเหล้าบางวันเท่านั้น บางส่วนจะแบ่งให้ลูกชายไว้ใช้ขณะไปเรียนหนังสือ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่แจ้งตำรวจที่ก่อเหตุยิงนายลำเพยมาควบคุมเหตุ แล้วนำตัวไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพักจากนั้นเรื่องจบไป พอครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้าย ติดใจที่สุดคือนายลำเพยกำลังจะขับรถจักรยานยนต์หนีออกไปเพราะเห็นตำรวจมา สุดท้ายตำรวจนายนี้ กลับเปิดฉากถีบรถจักรยานยนต์จนล้มลง และพยายามเอาไม้ง่ามมาคุมตัว แต่นายลำเพย ฮึดสู้เอามีดฟันตำรวจ คืนจนได้รับบาดเจ็บ ตำรวจจึงชักปืนยิงที่ขา พอทรุดลง มีญาติพยายามเข้าไปห้าม แต่ตำรวจไม่ฟัง เดินเข้าไปเตะจ่อยิงซ้ำจนตาย
โดยนางสาวโยธกากล่าวอีกว่า หลังสูญเสียนายลำเพยไป ไม่เพียงความโศกเศร้าในครอบครัว แต่สิ่งที่ตามมาคืออนาคตของหลานชายอีกคน ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของเขาคือ น้องต้นเพิ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปกติผู้ตายจะไปหารับจ้างนำเงินมาให้ลูกชาย ไว้ไปเรียนอาทิตย์ละ 100 -200 บาท เพราะน้องอยากเรียนหนังสือให้จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 และอยากไปทำงานหาเงินมาดูแลพ่อ เพราะสงสารพ่อ สุดท้ายต้องมากำพร้าพ่ออีก ทุกวันนี้หลังพ่อตาย น้องต้น ต้องไปทำงานรับจ้างรายวัน ได้เงินวันละ 100 -200 บาท มาดูแลตัวเอง และเก็บไว้ไปเรียนเพราะความหวังน้องต้น อยากเรียนให้จบมัธยมตอนปลาย
ด้านน้องต้นลูกชายคนเดียวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจมาก ที่มาสูญเสียพ่อ เพราะพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ต้องอาศัยอยู่กับ พ่อ และพี่น้องตามสภาพ ที่จำความได้ พ่อดูแลตลอดหาเงินมาให้ โดยทำงานรับจ้างหาเงินมาให้ อาทิตย์ละ 100 -200 บาท ให้ลูกเก็บไปเรียนหนังสือ พ่อขยัน ทำงานทุกรูปแบบ เพื่อแลกเงินมาใช้จ่าย เสียใจมากที่พ่อมาถูกยิงตาย ยอมรับว่าช่วงหลังพ่อเมาโวยวาย แต่ทุกคนเข้าใจ เพราะไม่เคยไปทำร้ายใคร แค่โวยวายคนในครอบครัว พอได้เงินก็หนีไป ดื่มเหล้า การกระทำของตำรวจมันรุนแรงไป อยากให้คนที่ทำผิดรับผิดชอบครอบครัว ชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้น สำคัญที่สุดตนอยากเรียนหนังสือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตนจะสู้ทำงานรับจ้าง ขอเพียงได้จบแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อจะเป็นพื้นฐานไปทำงาน เพราะหากเรียนสูงกว่านี้คงไม่มีเงินพอ และอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง อยากไปทำงานเมืองนอกหาเงินมาสร้างบ้าน เพราะทุกวันนี้อยู่กับญาติ