เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ก.ค. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 73 หมุ่ที่ 13 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ จากนายเชื่อม สิกรรณา อายุ 89 ปี เดินทางไปที่บ้านซึ่งอยู่ห่างไกลในพื้นที่ ป่าเขา ห่างจาก ถนนสาย หลังสวน-ระนอง ร่วม 2 กม. เป็นบ้านสองชั้น ภายในสวนผลไม้หลากหลายชนิด นายเชื่อมอาศัยอยู่กับ นางเจริญ สิกรรณา อายุ 83 ปี ภรรยา และ นางสาวกันตา สิกรรณา อายุ 52 ปี ลูกสาว

 

 

สอบถาม พบว่า นายเชื่อมพูดเสียงเบามาก เนื่องจากอายุมาก หลังจากพูดคุยสักพักใหญ่ ก็มีนางสาวกันดา และนางเจริญ กลับมาจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากภายในสวนผลไม้ นางกันดา นำผู้สื่อข่าวไปดูในพื้นที่สวนทุเรียนหมอนทองที่เกิดเหตุ และ เล่าเหตุการณ์ว่า "ครอบครัวของนายเชื่อม และนางเจริญ มีลูกสาวล้วน 5 คน แต่แยกย้ายไปอยู่ที่อื่นหมด บางคนอยู่ประเทศอเมริกา ส่วนตนเองหลังจากหย่ากับสามี ก็มาอยู่กับพ่อแม่ แต่มีภาระต้องส่งเสียลูกสาวเรียนหนังสือใน กทม. จึงต้องเดินทางไปมา ระหว่าง อ.พะโต๊ะ และกทม. อยู่เสมอ ทิ้งให้ 2 ตายายอยู่บ้านภายในสวนทุเรียนผลไม้เพียงลำพัง จนมีเพื่อนบ้านโทรศัพท์บอกว่า ทุเรียนหมอนทองภายในสวนถูกขโมยตัดและนำไปขายจำนวนมาก จึงรีบเดินทางกลับ พบว่า ทุเรียนหมอนทองที่เริ่มแก่และตัดขายได้ ถูกขโมยตัดไปมากถึง 50-100 ลูก

 

ตรวจสอบพบว่า ต้นทุเรียนหมอนทองที่ใช้เชือกผูกโยงทุเรียนไว้ไม่ให้หล่น 20 กว่าต้น ถูกมือดีตัดเชือกโยงเหลือเพียงก้านทุเรียนทั้ง 20 กว่าต้น บางต้น ทุเรียนทุกลูกถูกขโมยตัดไปจนหมด มูลค่าทุเรียนที่ถูกขโมยตัดไปแล้วหลายหมื่นบาท อีกทั้ง โดนขโมยตัดมาแล้วหลายครั้งแต่ที่ผ่านมา ถือว่าไม่มากนักจึงไม่ได้เอาเรื่องอะไร รวมถึงเพื่อนบ้านชาวสวนทุเรียนในย่านนี้โดนกันแทบทุกบ้าน

 

 

นางสาวกันดา จึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ให้ช่วยตักเตือนเพราะทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าคนในหมู่บ้านคือ หัวขโมย ผู้ใหญ่บ้านได้ไปว่ากล่าวตักเตือน แต่ปรากฏว่า หัวขโมยรายนั้นกลับพกอาวุธมาดุด่า ตาเชื่อมกับยายเจริญ ทำให้ตายายทั้ง 2 คนเกิดความหวาดกลัวมาก รวมถึงตนเองก็หวาดกลัวเนื่องจากบ้านและสวนทุเรียนอยู่ในย่านเปลี่ยวห่างไกลบ้านคน และมีแต่คนแก่และ ผู้หญิง ที่อยู่บ้าน จึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.พะโต๊ะ แต่ตำรวจก็ได้แต่เพียงลงบันทึกไว้เท่านั้นไม่รู้จะทำอย่างไร