ประธาน ก.อ. ทำหนังสือถึง อสส. ชี้คำสั่งไม่ฟ้อง "บอส" ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
5 ส.ค. 2563, 13:11
วันที่ 4 ส.ค. 63 นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้ทำบันทึกข้อความถึง นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) เรื่องการแถลงข่าวผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานอัยการตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ผู้ต้องหาคดีขับรถยนต์ชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 มีเนื้อหาดังนี้
ตามที่คณะทำงานฯ แถลงข่าวเกี่ยวกับผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงการพิจารณาสั่งคดีนายวรยุทธอยู่วิทยา วันที่ 4 ส.ค. 63 สรุปความได้ว่า คณะทำงานฯ เห็นว่า ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นเสียหายและมีผู้ถึงแก่ความตายน่าจะมีพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147อันจะทำให้พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินคดีอีกครั้งได้ภายในกำหนดอายุความและควรมีการแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่ผู้ต้องหาข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2(โคเคน) ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เพิ่มเติมด้วย ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการผู้ที่เกี่ยวข้องในการสั่งคดีควรพิจารณาดำเนินการตาม นัย พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 ต่อไปและมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2547และที่แก้ไขเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับการร้องขอความเป็นธรรมให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นนั้น
ข้าพเจ้าได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ยังมีประเด็นอันควรพิจารณาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ในการสั่งสำนวนของพนักงานอัยการกรณีมีคำสั่งไม่ฟ้องและผลของการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องเพิ่มเติมอีกดังนี้
1.กรณีพนักงานอัยการมีคำสั่งที่ไม่ฟ้องและคำสั่งนั้นไม่ใช่คำสั่งของอัยการสูงสุดเมื่อ ผบ.ตร.,รองผบ.ตร.หรือผู้ช่วย ผบ.ตร.ไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องจึงเป็นคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง แต่หากมีการแย้งคำสั่งของพนักงานอัยการ จาก ผบ.ตร.ให้ส่งสำนวนพร้อมกับความเห็นที่แย้งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาด เมื่ออัยการสูงสุดชี้ขาดไม่ฟ้องจึงเป็นคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคำสั่งในขั้นตอนต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นต้องเป็นคำสั่งโดยถูกต้องตามอำนาจหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและระเบียบฯ ที่เกี่ยวข้องด้วยจึงจะสมบูรณ์ตามกฎหมาย ในกรณีที่เดิมพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องไว้แล้ว
แต่มีการกลับคำสั่งเป็นคำสั่งไม่ฟ้องตามระเบียบฯ ข้อ 6 กำหนดว่า“ ในกรณีที่เห็นควรกลับความเห็นหรือกลับคำสั่งเดิมให้เสนอตามลำดับชั้นจนถึงอธิบดีเพื่อพิจารณาสั่งเว้นแต่ความเห็นหรือคำสั่งเดิมนั้นเป็นของอธิบดีให้เสนออัยการสูงสุดหรือรองอัยการสูงสุดผู้ได้รับมอบหมายเพื่อพิจารณาสั่ง”
2.กรณีคดีมีการร้องขอความเป็นธรรมระเบียบฯ ข้อ 48(การสั่งคดีกรณีร้องขอความเป็นธรรม) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2554กำหนดว่า“ คดีที่มีการร้องขอความเป็นธรรมในกรณีที่จะมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกข้อหาหรือบางข้อหาให้เสนอสำนวนพร้อมความเห็นตามลำดับชั้นถึงอธิบดีเพื่อพิจารณาสั่งกรณีที่มีคำสั่งฟ้องให้ดำเนินการ
ให้ได้ตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องต่อศาลและให้รีบทำบันทึกส่งคำร้องขอความเป็นธรรมสำเนาความเห็นและคำสั่งพร้อมทั้งสำเนารายงานการสอบสวนเสนออธิบดีเพื่อทราบกรณีดังกล่าวในวรรคก่อนหากเป็นกรณีที่ต้องกลับความเห็นหรือกลับคำสั่งเดิมหรือต้องถอนฟ้องให้นำความในข้อ 6วรรคท้ายหรือข้อ 128มาใช้บังคับแล้วแต่กรณี
3.กรณีตามคดีนี้ได้ความว่าในการร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้งของนายวรยุทธ อยู่วิทยาผู้ต้องหาการร้องขอความเป็นธรรมในชั้นหลังที่มีประเด็นพิจารณาถึงคำให้การ ของ รองศ.ดร. สายประสิทธิ์ เกิดนิยม และรายงานพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วยอัยการสูงสุด (ร.ต.ต. พงษ์นิวัติ ยุทธภัณฑ์บริภาร)ขณะนั้น ได้สั่งให้ยุติการพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธ ผู้ต้องหาที่ 1แล้ว ดังนั้นต้องถือว่าคำสั่งฟ้องที่สั่งไว้มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
4.หลังจากนั้นหากมีกรณีร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาสู่การพิจารณาของพนักงานอัยการอีกการที่พนักงานอัยการคนใดจะหยิบยกเพื่อพิจารณาให้ความเป็นธรรมโดยสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมและมีคำสั่งใด ๆ ใหม่ต้องมีคำสั่งจากอัยการสูงสุด เท่านั้น ก่อนจึงจะดำเนินการได้ เพราะอัยการสูงสุด(ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ )ได้วินิจฉัยไว้แล้วให้ยุติการพิจารณากรณีร้องขอความเป็นธรรม หากพนักงานอัยการผู้ใดมีการหยิบยกการร้องขอความเป็นธรรมขึ้นพิจารณาอีกและมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมโดยมิได้ขอความเห็นชอบจากอัยการสูงสุดก่อน จึงไม่น่าจะกระทำได้และจะมีผลต่อการดำเนินการในขั้นตอนต่อ ๆ มาทั้งหลายไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบฯ ทำให้คำสั่งต่าง ๆ ที่มีตามมารวมทั้งคำสั่งไม่ฟ้องไม่อาจมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายได้
5.กรณีที่รองอัยการสูงสุดหยิบยกการร้องขอความเป็นธรรมขึ้นพิจารณาอีกครั้งทั้งที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ยุติการพิจารณาร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาไป แล้วจึงมีนัยสำคัญที่ควรพิจารณาว่า เกิดผลตามที่กล่าวมาตามข้อ 4 หรือไม่หากเป็นผลต้องถือว่า คำสั่งไม่ฟ้องยังไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบฯ การส่งสำนวนพร้อมความเห็นไปให้ผบ.ตร.,รอง ผบ.ตร.หรือผู้ช่วยผบ.ตร.พิจารณาแล้วไม่แย้งคำสั่งก็หาเป็นผลให้เกิดเป็นคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมายไม่ และคำสั่งฟ้องเดิมของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ต้องถือว่ายังมิได้ถูกกลับและมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายอยู่
6.ในการพิจารณากรณีการร้องความเป็นธรรมครั้งหลังจากที่อัยการสูงสุดท่านเดิม (ร.ต.ต. พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร) มีคำสั่งให้ยุติการพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมก่อนหน้านั้นไปแล้ว ดังนั้นพนักงานอัยการผู้มีอำนาจพิจารณาดำเนินการสั่งคดีดังกล่าวได้อีกก็ แต่เฉพาะอัยการสูงสุดเท่านั้นรองอัยการสูงสุดที่ได้รับมอบหมายหรือปฏิบัติราชการแทนไม่มีอำนาจสั่งคดีดังกล่าว หากอัยการสูงสุดไม่ได้มีคำสั่งใดคำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ก็ยังคงใช้บังคับอยู่เช่นเดิม แต่ถ้าอัยการสูงสุดสั่งให้พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมอีกครั้งหนึ่ง อัยการสูงสุดก็มีอำนาจสั่งยุติการพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมหรือสั่งสอบสวนเพิ่มเติม หรือกลับคำสั่งฟ้องตามความเห็นเดิมเป็นสั่งไม่ฟ้องก็ได้ตามดุลพินิจที่เห็นว่าถูกต้องเหมาะสมและสอดคล้องกับพยานหลักฐานในสำนวนจึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจาณา
อนึ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและมีผลต่อความเชื่อถือศรัทธาที่ประชาชนมีต่อองค์กรอัยการจึงใคร่ขอนำความเห็นของข้าพเจ้าตามบันทึกนี้เผยแพร่ทางสื่อต่าง ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบด้วย
ที่มา naewna