เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



กมธ.การต่างประเทศ ดึงทุกภาคส่วน เสนอแก้ไขปัญหาการค้าชายแดน หลังโควิด-19


8 ส.ค. 2563, 19:58



กมธ.การต่างประเทศ ดึงทุกภาคส่วน เสนอแก้ไขปัญหาการค้าชายแดน หลังโควิด-19




วันนี้  8 ส.ค. 63  เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมทองธารินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายสราวุธ เพชรพนมพร ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่อง กรอบความร่วมมือระหว่างไทย-กัมพูชา ต่อการพัฒนา ความสัมพันธ์ผ่านมิติการค้าชายแดน โดยมีนายอดิเทพ กมลเวชช์ รอง ผวจ.สุรินทร์ เป็นผู้กล่าวรายงาน จัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา ได้รับทราบข้อมูล แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ผ่านกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศในมิติของการค้าชายแดน,เพื่อให้คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้รับทราบข้อมูล และข้อเสนอแนะที่หลากหลาย นำไปไปสู่ต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ต่อไป โดยมีการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ประกอบด้วย นายสราวุธ เพชรพนมพร ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร,นายเกียรติ สิทธีอมร รองประธานคณะกรรมิการการต่างประเทศคนที่ 2 ,นายศุภชัย ใจสมุทร รองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศคนที่ 4 และโฆษกคณะกรรมาธิการการการต่างประเทศ อีก 2 คน กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน รวมทั้ง ยังมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของ จ.สุรินทร์ จำนวน 3 คน คือ นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร,นายสมบัติ ศรีสุรินทร์ และนายชูศักดิ์ แอกทอง ก็ได้เข้าร่วมสัมมนา ในการนำเสนอข้อคิดเห็นอุปสรรคปัญหาจากประชาชน ให้คณะกรรมมาธิการต่างประเทศทราบอีกด้วย รวมผู้สัมมนา จำนวนทั้งสิ้น 350 คน




นายสราวุธ เพชรพนมพร ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ประเทศไทยและกัมพูชา ได้ธรรมรงความสัมพันฉันมิตรประเทศต่อกันมาอย่างยาวนาน ทั้งสองประเทศได้ช่วยกันเติมเต็มการพัฒนาในภูมิภาคให้เจริญก้าวหน้าในมิติต่างๆอย่างสมบุรณ์ โดยอาศัยกรอบควมมร่วมมือต่างๆที่ไทยและกัมพูชาเป็นสมาชิก อันได้แก่ กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง และกรอบความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา การค้าชายแดนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด เป็นจุดผ่านแดนที่สำคัญที่สุดของ จ.สุรินทร์ ซึ่งจากการรายงานข้อมูลภาวะการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ของสำนักงานพาณิชย์ จ.สุรินทร์ บริเวณชายแดย ณ จุด่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เดือนพฤศจิกายน 2562 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 659.01 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการส่งออกและสินค้าส่งออก รวมทัง้สิ้น 511.38 ล้านบาท มูลค่าการนำเข้าและสินค้านำเข้ารวมทั้งสิ้น 147.63 ล้านบาท ดุลการค้าไทยเกินดุลการค้ากัมพูชา มูลค่า รวมทั้งสิ้น 363.75 ล้านบาท

-คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ เล็งเห็นว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเติบโตและขยายตัวอยู่นี้มีความสำคัญอย่างมาก และเป็นช่องทางในการพัฒนาความสัมพันธ์ ระหว่างไทย-กัมพูชา ตลอดจนสามารถขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆเพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค ดังนั้น คณะกรรมาธิการการต่างประเทศจคึงได้จัดสัมนาในครั้งนี้ เพื่อเป็นเวทีในการรับทราบข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ผ่านกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศในมิติของการค้าชายแดน นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีที่คณะกรรมาธิการฯจะได้รับทราบข้อมูล และข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อแนวทางในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ต่อไป

-ประธานกรรมมาธิการการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ด่านช่องจอมในอนาคต จากการดูสถิติ ของการส่งออกและนำเข้าในช่งหลายปีที่ผ่านมา จากหลัก 1-2 พันล้าน เป็น 8 พันล้าน ผมเชื่อว่าในอนาคต ด่านช่องจอมจะเป็นอีกด่านหนึ่งที่ ทำรายได้เป็นมูลค่าปีหนึ่งๆหลายหมื่นล้านบาท เพราะช่วงนี้ก็ขึ้นมาแตะ 8-9 พันล้านบาท ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ซึ่งทาง ส.ส.ปกรณ์ มุ่งเจริญพร และอีกหลายท่าน มีความเป็นห่วงและก็จะพยายามผลักดันช่วยกัน ในเรื่องปัญหาและอุปสรรคที่เราได้รับทราบ อย่างเช่นในเรื่องของปศุสัตว์เราได้ฟังข้อมูลหลายๆเรื่องที่เป็นประโยชน์และจะนำกลับไปดำเนินการต่อ



นายเกียรติ สิทธีอมร รองประธานคณะกรรมิการการต่างประเทศคนที่ 2 กล่าวว่า ตนรับปากกับชาวสุรินทร์ว่า เราจะนำเรื่องเข้ากรรมาธิการ ทันทีที่เรากลับไปกรุงเทพ เราจะเชิญหน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจง มาอธิบายความ และสิ่งไหนที่เราปรับปรุงได้ เราก็จะปรับปรุง ในส่วนหนึ่งที่ตนอยากพูดให้ฟัง ในกรอบของอาเซี่ยนเอง มันมีความที่เราอยากจะทำ อำนวยความสะดวกทางการค้า โดยการทำซิงเกิ้ลวินโดส์ ซึ่งตนก็ได้ถามรองผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าวิงเกิ้ลวินโดส์ จังหวัดสุรินทณ์มีหรือยัง ก็ได้รับคำตอบว่า กำลังคนไม่มี และวิธีของจังหวัดเราก็คือ ทุกอย่างวิ่งไปที่ชายแดน เราไปออ รอกันอยู่ที่ชายแดน เผอิญตนเป็นคนหนึ่งที่โชคดีได้โอกาสทำงานที่ต่างประเทศหลายประเทศทั้งที่พัฒนาแล้ว และกำลังจะพัฒนา ประเทศไทยต้องวิ่งไปอีกทางหนึ่งแล้ว จริงๆการเคลียร์ วีการของกรมศุลกากร มันต้องเริ่มตั้งแต่ต้นทาง สมัยตนอยู่ที่ฝรั่งเศส เชื่อไหมว่า โรงงานทุกโรงงาน เขาปิดตู้คอนเทนเนอร์ที่โรงงาน และสำรวจโดย จนท.ศุลกากร และพอออกจากโรงงาน จะไปทางไหนก็ไป ไม่ไปออกันอยู่ที่ชายแดน ไม่ไปออกันที่ด่าน เพราะการ เพราะวีการเคลียร์ของศุลกากรมันเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นทางก่อนหน้านี้แล้ว และสิ่งเหล่านี้คือแนวคิด ของระบบ ของจังหวัดที่มีการค้าชายแดนมากๆ และถือเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตนเข้าใจว่าสุรินทร์ยังไม่ได้ไปถึงตรงนั้น แต่ตนเองเป็นคนหนึ่งที่ อยากเห็นประเทศไทยทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ แบบถูกต้อง แบบได้ประโยชน์เต็มที่ จริงๆถ้ามีโอกาส ตนามารถที่จะเล่าให้ฟังได้ว่า เคยออกแบบไว้ว่า ประเทศไทยเหมาะสำหรับการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษได้กี่จังหวัด ซึ่งตนทำได้ 55 จังหวัดใน 77 จังหวัด ถ้าเราจะตั้งใจทำกันอย่างจริงๆ ซึ่งก็ต้องฝากถึงชาวสุรินทร์ เราจะทำไม่ได้ถ้าชาวสุรินทร์ไม่อยากให้เกิด ซึ่งตนได้ฟังรองผู้ว่า พูดถึงเกษตรอินทรีย์ สมุนไพร และเป็นเมืองท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ของเรา ตนมองว่าเป็นจุดแข็งทั้งสิ้น แต่ทั้งหมดนี้ไม่สวนทางกับการค้า เพราะฉะนั้นถ้าเราจัดทำ ระบบของการค้า อำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชน เราก็จะสามารถเพิ่มพูนประมาณการค้าได้มากว่านี้ และก็ต้องทำความเข้าใจกันไว้ การค้าไม่จำเป็นต้องได้ดุลย์ เป้าหมายไม่ใช่ได้ดุลย์การค้า แต่เป้าหมายคือ เพิ่ม ส่งออก เคยทำเท่าไหร่ ส่งเพิ่มได้ไหม นำเข้าเคยทำเท่าไหร่เพิ่มได้หรือไม่ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ 2 กล่าวว่า

-ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (7 ส.ค.63) คณะกรรมาธิการฯดังกล่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อติดตามและรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน หลังจากเกิดเหตุการณ์ระบาดของสถานการณ์โรคโควิค 19 ทั้งในส่วนของหน่วยงานราชการและภาคเอกชน เพื่อนำไปประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป โดยมีตัวแทนจังหวัดสุรินทร์ นายอำเภอกาบเชิง ด่านศุลกากร ตรวจคนเข้าเมืองสุรินทร์ ปุศสัตว์ ด่านกักกันโรคจังหวัดสุรินทร์ ทหาร ตชด.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมให้ข้อมูลอีกด้วย

โดยในที่ประชุม เน้นในเรื่องการค้าขายชายแดน เรื่องปากท้องของประชาชน โดยเฉพาะ การส่งออกและนำเข้า ซึ่งก็พบว่าจากเดิมที่ผ่านจนถึงปัจจุบันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากหลักพันล้าน ขยับขึ้นมาแตะ 8 พันล้านต่อปี และในอนาคต จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นหลายหมื่นล้าน เช่นเรื่องของการส่งออกด้านปศุสัตว์ ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัญหาอุปสรรคที่ได้รับฟัง คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ก็จะนำไปดำเนินการต่อไป ส่วนความเป็นไปได้ที่จะมีการเปิดด่านให้มีการค้าขายตามปกติที่ด่านถาวรช่องจอมแห่งนี้นั้น ต้องใช้ ระยะเวลา รอให้สถานการณ์ไวรัสโควิดดีขึ้นก่อน โดยคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ก็จะได้มีการรวบรวมประมวลปัญหาทั้งหมดไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ว่าพอจะ มีการผ่อนปรนได้อะไรได้บ้าง เกี่ยวกับการค้าขายชายแดน ที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชนเป็นหลัก







Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.