เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  พระครูโกศลสิกขกิจ  หรือหลวงพุฒ   วายาโม  ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา  ได้กล่าวเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศและศิษยานุศิษย์ทุกคนมากราบขอพรสรีระสังขารของหลวงปู่สรวง ได้ที่วัดไพรพัฒนา   ซึ่งหลวงพ่อพุฒ  ได้เมตตาเล่าประวัติโดยย่อของหลวงปู่สรวงว่า  หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั้น เมื่อก่อนนี้ชาวบ้านในท้องถิ่นอำเภอ ขุขันธ์ และอำเภอใกล้เคียง ที่มีภูมิลำเนาอยู่แถบชายแดน ตามเชิงเขาพนมดงรัก(พนมดองแร็ก) ซึ่งเป็นแนวเขตแดนระหว่าง กัมพูชากับประเทศไทย มักจะเห็นท่านเป็นผู้ทรงศีลปฏิบัติธรรม พักอาศัยอยู่ตามกระท่อมในไร่นาของชาวบ้าน โคกและเวียน ไปที่นั่นที่นี่บ้างนาน ๆ จะกลับมาเห็นในที่เดิมอีก ในสายตาและความเข้าใจของชาวบ้านในสมัยนั้นมองท่านในฐานะผู้มีคุณวิเศษ เหนือคนทั่วไปและเรียกขานว่า “ลูกเอ็าวเบ๊าะ” หรือ “ลูกตาเบ๊าะ” (เป็นภาษาเขมร หมายถึงพระดาบส ที่เป็นผู้รักษาศีลอยู่ตามถ้ำเขาลำเนาไพร) ในสมัยนั้นยังมีป่าพรรณไม้อุดมสมบูรณ์และสัตว์ป่านานาพันธุ์ ได้มีลูกศิษย์ติดตามหลวงปู่เดินธุดงค์ตามป่าเขาแถบชายแดนไทย และตลอดจนถึงประเทศเขมร แต่ก็อยู่กับหลวงปู่ได้ไม่นานจำต้องกลับบ้าน เนื่องจากทนความยากลำบากไม่ไหวหลวงปู่จึงเดินธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ ตามลำพังเป็นส่วนมาก ไม่มีใครทราบถิ่นกำเนิดและอายุของหลวงปู่ที่แท้จริง ได้รู้แต่ว่าหลวงปู่เป็นชาวเขมรต่ำ ได้เข้ามาในประเทศไทยนานแล้วคนแก่คนเฒ่า ผู้สูงอายุที่เคยเห็นท่านเล่าบอกว่า ตั้งแต่เป็นเด็ก ๆเกิดมาก็เห็นท่านในสภาพลักษณะเหมือนที่เห็นในปัจจุบันถ้าผิดจากเดิมไปบ้างก็เล็กน้อยเท่านั้น ประกอบด้วยหลวงปู่เป็นคนพูดน้อยและไม่เคยเล่าประวัติส่วนตัวให้ใครฟัง จึงไม่มีใครที่จะสามารถรู้อายุและประวัติที่แท้จริงของท่านได้  หลวงปู่สรวงได้มรณภาพ เมื่อปี 2543  เหตุที่สรีระสังขารของหลวงปู่สรวง ได้นำมาประดิษฐานไว้ที่มณฑปหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนาจนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากว่า  ในวันที่หลวงปู่สรวงละสังขาร บรรดาศิษย์พากันบอกว่า จะนำสังขารของหลวงปู่สรวงไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านขยุง  หลวงพ่อพุฒ บอกว่าให้เดินทางไปก่อนแล้วอาตมาจะตามไป ขบวนรถทั้ง 4 คันก็ได้เคลื่อนออกจากวัดไพรพัฒนาจะไปยังวัดบ้านขยุง  หลวงพ่อพุฒจึงครองจีวรเตรียมอุปกรณ์เรียกหาพระลูกวัดก่อนจะออกเดินทางได้อธิษฐานว่า  “สาธุ ถ้าหากหลวงปู่มีความประสงค์จะให้ลูกหลานได้เป็นผู้บำเพ็ญกุศล ก็ขอให้หลวงปู่ได้กลับมาที่วัดด้วยเถิด” แล้วก็ได้นั่งรถติดตามไปที่บ้านขยุง แต่ไปถึงแค่บ้านโคกชาด พบว่ามีรถหลายคันจอดอยู่และได้ให้สัญญาณไฟ จึงได้จอดดูแล้ว ปรากฏว่าเป็นรถที่จะนำสังขารหลวงปู่ไปที่วัดบ้านขยุง ได้มีลูกศิษย์หลายคนของหลวงปู่สรวง มาบอกหลวงพ่อพุฒว่า ให้นำสรีระของหลวงปู่ไปที่วัดไพรพัฒนา แล้วก็ขับออกนำหน้า หลวงพ่อพุฒก็ได้นั่งรถตามมา พอมาถึงวัดเห็นรถที่มีสังขารหลวงปู่สรวง จอดอยู่ที่ด้านทิศตะวันออกของศาลา จึงได้บอกว่าอย่าพึ่งทำอะไรให้อยู่อย่างนี้ก่อน และได้สั่งให้พระลูกวัดจัดเตรียมสถานที่ตั้งศพบนศาลา ส่วนหลวงพ่อพุฒเองได้นำธูปเทียนมากราบไหว้ขอขมาลาโทษ และนิมนต์ร่างของหลวงปู่ขึ้นมาตั้งตรงสถานที่ที่จัดไว้บนศาลา และได้จุดธูปอธิษฐานว่า “ หากเป็นความประสงค์ของหลวงปู่จะให้ลูกหลานบำเพ็ญกุศลในที่นี่จริง ก็ขอให้ดำเนินการไปโดยเรียบร้อย และขอให้มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้มาร่วมบำเพ็ญกุศลโดยทั่วกัน” ต่อจากนั้นได้ดำเนินการบำเพ็ญกุศลให้กับหลวงปู่อย่างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน นี่คือเหตุการณ์ทั้งหมดว่าเหตุใด สรีระของหลวงปู่สรวงจึงได้มาตั้งบำเพ็ญ กุศลอยู่ที่วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา  อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ มาจนถึงทุกวันนี้ คำสอนของหลวงปู่สรวง ที่เราได้ยินบ่อยๆ คือ  ออย เตียน สรูล แปลว่า ให้ทาน มีความสุข   และพรที่หลวงปู่สรวงให้เราตลอดมา  บายตึ๊กเจีย แปลว่า ข้าวน้ำดี หมายถึง ให้อยู่ดีมีสุข อุดมสมบูรณ์ด้วย ความพอเพียง  ซึ่งในปัจจุบันนี้  มีพุทธศาสนิกจากทั่วประเทศพากันเดินทางเข้ามากราบไหว้หลวงปู่สรวงเป็นจำนวนมาก 

พระครูโกศลสิกขกิจ  หรือหลวงพุฒ   วายาโม  ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา  กล่าวว่า  พุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วประเทศและชาวกัมพูชาที่ต้องการร่วมบริจาคทำบุญกับหลวงปู่สรวงนั้น  เพื่อเป็นการป้องกันความผิดหวังและเพื่อเป็นการไม่ให้เกิดความสับสน ขอให้ติดต่อขอร่วมทำบุญโดยตรงได้ที่ มูลนิธิหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  ปัจจัยทั้งหมดที่พุทธศานิกชนมาร่วมทำบุญจะมีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา  มารอรับเพื่อนำเอาเงินไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค  โดยพุทธศาสนิกชนจะสามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ เพจ มูลนิธิหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา  โดยติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 081- 265-9154 และ 084 - 832- 6951