"สกลนคร" แล้งส่อวิกฤติ เกษตรกรต้องช่วยเหลือตัวเองสูบน้ำเข้านา
16 ก.ค. 2562, 17:17
ผู้สื่อข่าว onb news รายงานว่า ขณะนี้ นาข้าวในจังหวัดสกลนคร กว่า 1 ล้านไร่ จากพื้นที่ปลูกข้าวทั้งจังหวัดมากกว่า 2 ล้าน 7 แสนไร่ ใน 18 อำเภอ ต้องประสบกับความเสียหายเนื่องจากฝนทิ้งช่วงมานานกว่า 1 เดือนแล้ว ซึ่งจากคำให้สัมภาษณ์ของนักวิชาการระบุว่า จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ จะทำให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลและเกิดความแห้งแล้งเป็นบริเวณกว้าง จากสาเหตุดังกล่าว ทำให้ต้นข้าวที่ชาวนาปลูกเหี่ยวเฉาและล้มตายกันถ้วนหน้า เพราะผืนดินที่เคยชุ่มฉ่ำ ต้องกลับกลายมามีสภาพแห้งแล้งและเป็นผุยผง นาที่เคยทำทุกปีก็ต้องมาทิ้งร้าง บางแห่งเพียงแต่ไถดะไว้เพื่อรอฝน แต่เมื่อไม่มีฝนตกลงมา ก็ปล่อยให้นาร้างและนาล่มไปโดยปริยาย ปล่อยไปตามชะตากรรม
นายสุธี บุระเนตร อายุ 47 ปี หมู่ที่ 2 บ้านโคกสว่าง ต.ธาตุนาเวง อ.เมืองสกลนคร กล่าวว่า ตนปลูกข้สว 20 ไร่ ขณะนี้ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ได้รับความเดือดร้อนมาก ต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการไปเช่าเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำเข้านา เพื่อให้ต้นข้าวที่เหลือเพียงน้อยนิดได้มีชีวิตอยู่ แต่ก็เพิ่มภาระเพราะต้องเพิ่มต้นทุนการผลิต น้ำมันที่เติมวันละ 300 บาท ค่าเช่าเครื่องอีก วันละ 500 บาท ต้นข้าวที่เหลือไม่ทราบจะได้ข้าวเท่าไรเพราะส่วนใหญ่ตายไปหมดแล้ว คิดว่าจะไม่คุ้มกับการลงทุน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย สงสารแต่ชาวนาผู้ที่ไม่มีแหล่งน้ำต้นทุน ไม่มีเงินไปเช่าเครื่องสูบน้ำ ไม่มีเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ปีนี้ยังไม่ทราบว่าเขาจะเอาอะไรกิน
ขณะที่ นายมนตรี แก้วก่า รอง นายก อบจ.สกลนคร กล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าปีนี้มีเหตุการณ์เอลนีโญ ซึ่งจะทำให้ฝนไม่ตกลงอีกนับจากนี้ไปอีก เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนก็คือ ขณะนี้การสื่อสารทางโลกโซเชียลนั้นรวดเร็วอยู่แล้ว ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สำรวจข้อมูลภัยแล้งแล้วส่งเข้ามายังจังหวัด เราก็จะรู้ว่ามีพื้นที่ไหนบ้างที่เกิดสภาวะภัยแล้ง ทางแก้ไขอีกทางหนึ่งก็อยากเสนอแนะให้รัฐบาลทำการขุดเจาะบ่อบาดาล แล้วนำเครื่องสูบน้ำไปสูบโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พื้นที่ใดเดือดร้อนมากก็ทำก่อน พื้นที่เดือดร้อนน้อยก็ทำทีหลัง วิธีนี้ยังสามารถแก้ปัญหาได้ถึงการปลูกพืช ผัก ในฤดูกาลหลังจากเสร็จจากนาอีกด้วย