ภัยสังคมจับยกครัวโจรตระเวนทุบตู้เติมเงิน
18 ส.ค. 2563, 08:44
วันนี้ (17 ส.ค.63) พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกันจับกุมนายประครอง ลั่นทมเหลือง อายุ 65 ปี นายสุรศักดิ์ สินทร อายุ 26 ปี และ น.ส.อนุสรณ์ จันดาหาร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 331 หมู่ 1 ซอยบ้านหนองบัว ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” พร้อมของกลาง ตู้เติมเงิน บุญเติม กระปุก และเติมสบายดี จำนวน 8 ตู้ สามล้อเครื่อง 1 คัน อุปกรณ์งัดแงะ ไขควง 1 อัน ประแจ 4 ตัว อุดรธานี โดยจับได้ที่กระท่อมภายในสวน บ้านสามพร้าว ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก ในห้วงเดือนสิงหาคม 2563 ตำรวจได้รับแจ้งเหตุงัดตู้เติมเงินตามร้านค้าและร้านขายของชำตามหมู่บ้าน ประมาณ 20 ตู้ โดยยกเอาทั้งตู้ 7 แห่ง และงัดเอาเงิน 8 แห่ง จำไม่ได้อีก 5 แห่ง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและประชาชน จึงสั่งการให้ ตำรวจชุดสืบสวนออกติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งจากตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายมีทั้งหมด 3 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน ขี่รถสามล้อเครื่องมางัดตู้เติมเงิน ตำรวจจึงสืบสวนหาตัว จนทราบว่าทั้งหมดเป็นครอบครัวเดียวกัน รับจ้างเฝ้าบ้านสวนที่ บ้านสามพร้าว จึงเข้าจับกุม
โดยจากการสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า เป็นพ่อตา ลูกเขย และลูกสาว ร่วมกันก่อเหตุงัดตู้เติมเงินจริง โดยนายประครอง พ่อตาให้การว่า พวกตนมีอาชีพขายลูกโป่งสวรรค์แฟนตาซีตามงานวัด งานสวนสนุก แต่หลังจากโควิด-19 ระบาดทำให้ไม่มีงาน จึงไม่มีรายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว นายสุรศักดิ์ ลูกเขยซึ่งเคยถูกจับข้อหา “ลักทรัพย์” ลักแบตเตอรี่รถยนต์ พ้นคุกออกมา 9 เดือน ชักชวนพ่อตาและเมียตระเวนงัดตู้เติมเงินในเขต อ.เมืองอุดรธานี
โดยทั้งหมดได้ร่วมกันก่อเหตุตั้งแต่วันที่ 8-16 สิงหาคม 2563 รวม 20 ตู้ โดยตู้ไหนงัดได้ก็จะงัดเอาเฉพาะเงินรวม 7 ตู้ ตู้ไหนงัดไม่ได้ก็จะขันน๊อตยกตู้ไปงัดเอาเงินในที่ลับตาผู้คน รวม 8 ตู้ เมื่อได้เงินแล้วก็จะนำตู้ติมเงินไปทิ้งที่คลองท้ายเขื่อนบ้านจั่น 1 ตู้ คลองข้างร้านสะดวกซื้อบ้านจั่น 1 ตู้ ข้างโรงฆ่าสัตว์เทศบาลนครอุดรธานี 3 ตู้ หลังสนามบิน 2 ตู้ และหนองนาหล่ำ 1 ตู้ เงินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายในครอบครัว หมดแล้วก็จะกลับมาก่อเหตุอีก กระทั่งมาถูกจับได้พร้อมของกลาง
พล.ต.ต.พิษณุ เปิดเผยอีกว่า ผู้ต้องหาเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นพ่อตา ลูกสาว และลูกเขย ซึ่งลูกเขยเคยก่อเหตุลักทรัพย์ ติดคุก ออกจากเรือนจำไม่มีอาชีพ ซึ่งเป็นปัญหาของสังคม และเป็นภัยสังคมอีกแบบหนึ่ง โดยทั้งหมดรับสารภาพ เงินที่ได้ทั้งหมด 3 หมื่นบาท นำไปใช้จ่าย ส่วนสาเหตุที่เลือกตู้เติมเงิน เพราะอยู่ในที่ไม่เหมาะสม มืด เปลี่ยว ไม่มีคนระวัง มีประกันภัย ง่ายต่อการก่อเหตุ จึงอยากให้ผู้ประกอบการ จัดวางตู้ให้เหมาะสม เพราะคนร้ายจะไม่กล้าก่อเหตุ ส่วนหลักฐานที่มัดตัวคนร้ายคือภาพจากกล้องวงจรปิดขณะลงมือก่อเหตุ ทั้งของราชการและเอกชน ซึ่งเป็นหลักฐานที่คนร้ายดิ้นไม่หลุดและยอมเปิดปากรับสารภาพตร.ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ชี้จุดที่งัดและลักตู้เติมเงิน และจุดนำตู้เติมเงินไปทิ้ง เสร็จแล้วควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป/////////////////