"ผบก.ภ.จว.นครพนม" แจงคดีหนุ่ม อบต.ดับปริศนา ยืนยันคำเดิมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย (คลิป)
18 ส.ค. 2563, 08:57
วันที่ 17 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จว.ฯ) พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช รอง ผบก.ภ.ฯ พ.ต.อ.ณรงค์ วงศ์ธรรม ผู้กำกับการสอบสวน บก.ภ.จว.นครพนม และ พ.ต.ท.สมพงษ์ แรงรอบ พนักงานสอบสวน แถลงข่าวกรณีมีการกล่าวหาตำรวจ สภ.หนองบ่อ ทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาที่อยู่ในความควบคุมจนถึงแก่ความตาย โดยญาติของผู้ตายเชื่อว่าถูกตำรวจชุดสืบสวนกระทืบจนตาย จึงเดินสายร้องเรียนขอความเป็นธรรม ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
กล่าวคือเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2563เวลา 23.30 น. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองบ่อ ได้ร่วมทำการจับกุม นายจิระวัฒน์ กันทะสิงห์ กับพวกรวม 7 คน โดยกล่าวหาว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) และยาเสพติดให้โทษประเภท 5(กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 10 เม็ด กัญชาสด 40 กรัม เหตุเกิดที่กระท่อมไม่มีเลขที่หมู่ 9 บ้านจำปา ต.ก้านเหลือง
ผบก.ภ.จว.นครพนม กล่าวว่า ในการจับกุมปรากฏว่านายวิทยา โสภาวงศ์ อายุ 40 ปี ทำงานเป็นพนักงานขับรถ อบต.ก้านเหลือง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาได้กระโดดลงจากกระท่อมวิ่งหลบหนี เข้าไปในดงไม้ใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งต่อมาตำรวจไล่ติดตามไปพบนายวิทยานอนคว่ำหน้าอยู่ในดงไม้ ซึ่งห่างจากกระท่อมประมาณ 7 เมตร ในขณะเดียวกันตำรวจได้จับกุมและควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดรวมทั้งนายวิทยามาที่ สภ.หนองบ่อ ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่านายวิทยาหมดสติและมีอาการไม่ดี จึงได้นำส่งโรงพยาบาลนาแกและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยจากการชันสูตรพลิกศพนายวิทยาที่ รพ.นาแก และส่งต่อไปผ่าชันสูตรหาสาเหตุแห่งการตายที่ รพ.ศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น เบื้องต้นแพทย์ระบุในหนังสือรับรองการตายว่า ตับและไตขวาฉีกขาดมีเลือดออกในช่องท้อง
จากการตายของนายวิทยาทำให้ น.ส.กนกพร พงษ์พันธ์ ภรรยา และญาติติดใจสงสัยในสาเหตุการตายของนายวิทยา ว่า อาจไม่ได้สะดุดตอไม้จนได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตเอง แต่น่าจะถูกตำรวจทำร้ายจนถึงแก่ความตาย จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองบ่อ ให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.อำนาจ บุญประไพ สารวัตรใหญ่ สภ.หนองบ่อ พร้อมกับพวกรวม 8 นาย โดยกล่าวหาว่าร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และร่วมกันทำร้ายร่างกายนายวิทยาเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย พร้อมแห่โลงศพนายวิทยาประท้วงร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม
ต่อมา ผบก.ภ.จว.ฯได้มีคำสั่งย้ายตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 8 นาย ประกอบด้วย 1.พ.ต.ท.อำนาจ บุญประไพ สารวัตรใหญ่ สภ.หนองบ่อ 2.พ.ต.ท.ศักดิ์ งามสเนห์ สารวัตรฝ่ายอำนวยการปฏิบัติราชการสารวัตรสืบสวน สภ.หนองบ่อ 3.ส.ต.ท.พลวัฒน์ ฉายพล 4.ส.ต.ต.โกเมนทร์ ทาตาสุข 5.ส.ต.ต.เชิดวุฒิ อาจวิชัย 6.ส.ต.ต.วรวุฒิ ศรีแก้ว 7.ส.ต.ต.ธีรเดช เมืองโคตร และ 8.ส.ต.ต.พีรวิชญ์ ศรีมูล โดยให้ทั้งหมดไปปฏิบัติราชการประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรนครพนมโดยให้ขาดจากตำแหน่งและสังกัดเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง และตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีถูกกล่าวหากระทำความผิดอาญา
ผบก.ภ.จว.นครพนม กล่าวต่อว่า วันที่ 7 สิงหาคม 2563 น.ส.กนกพรภรรยาของผู้ตายได้ทำหนังสือร้องขอดูกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บน สภ.หนองบ่อ ในช่วงเกิดเหตุ ที่มีการนำตัวนายวิทยามาที่โรงพัก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ทาง ภ.จว.นครพนม จึงอนุมัติให้ภรรยาและญาติดูภาพจากกล้องวีดีโอ แต่ น.ส.กนกพรยังไม่มั่นใจได้ยื่นหนังสือถึง นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และ ผบก.ภ.จว.ฯ ขอคัดสำเนาภาพจากกล้องวีดีโอช่วงเกิดเหตุดังกล่าว เพื่อป้องกันการสูญหาย และเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในรูปคดีของทนายฝ่ายผู้ตาย ซึ่งทางตำรวจไม่ขัดข้องได้เชิญผู้กล่าวหามารับแผ่นบันทึกภาพจากกล้องวีดีโอตามที่ร้องขอ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเป็นหลักฐานให้ความเป็นธรรมแก่คู่กรณีทุกฝ่าย
พล.ต.ต.ธนชาติฯ กล่าวเพิ่มเติมว่าจะไม่ปกป้องลูกน้องถ้าทำผิดจริงต้องรับโทษ ซึ่งตำรวจที่ถูกกล่าวหาให้ปากคำว่า ถ้ามีการทำร้ายจริงตามร่างกายผู้ตายต้องมีร่องรอย เช่นรอยรองเท้าหรือหมัดเขียวช้ำปรากฎ แต่มีเพียงรูแผลคล้ายถูกของแหลมทิ่มที่สีข้างขวาเท่านั้น นอกจากนี้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในวันเดียวกันก็ให้ปากคำตรงกันว่า ไม่มีการทำร้ายร่างกายใดๆ พร้อมกับเปิดภาพศพของนายวิทยาให้ผู้สื่อข่าวดู โดยระบุว่าภาพเหล่านี้ได้จากภรรยาของผู้ตายส่งมาร้องขอความเป็นธรรม “ผมอยากให้ญาติผู้เสียชีวิตไปสอบถามข้อเท็จจริงจากปากผู้ต้องหาทั้งหมดด้วยตนเอง พวกเขาคงไม่เห็นตำรวจดีกว่าคนบ้านเดียวกันแน่นอนครับ” ผบก.ภ.จว.นครพนม กล่าว
ส่วนกรณีที่มีคนตั้งข้อสงสัยว่าตั้งแต่เกิดเหตุ ไม่มีตำรวจออกมาชี้แจงรายละเอียดเลย ซึ่ง พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม ตอบว่าในเมื่อทางผู้กล่าวหามาแรงขนาดนั้น จึงไม่อยากเข้าไปขวาง ตนเข้าใจในความสูญเสีย แต่อยากให้ลดความร้อนแรงลงและมาคุยกันด้วยเหตุและผล ถ้าตำรวจผิดจริงทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เอาไว้แน่นอน