มท.2-ผู้ว่าฯแพร่ ลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือชาวบ้าน จ.แพร่ จากผลกระทบพายุ "ฮีโกส"
21 ส.ค. 2563, 20:10
วันนี้ ( 21 ส.ค.63 ) วันที่ 21 สิงหาคม 2563 เวลา 16.30 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ พร้อมด้วยนางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดแพร่ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่เพื่อนำถุงยังชีพ อาหารและน้ำดื่ม ไปมอบให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย เนื่องจากเกิดเหตุอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากและท่วมขัง ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนและการดำรงชีพของประชาชน ณ บริเวณวัดร่องกาศ ตำบลร่องกาศ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ในจุดที่พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลร่องกาศ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ มีประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 20 ครัวเรือน ซึ่งในภาพรวมจังหวัดแพร่ ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุ"ฮีโกส" ใน 5 อำเภอ คือ อ.เมืองแพร่ อ.สอง อ.ลอง อ.ร้องกวาง และอ.สูงเม่น โดยได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และติดตามเรื่องการสำรวจความเสียหายเพิ่มเติมให้ครอบคลุม โดยรมช.มท. และคณะ ได้มอบอาหารกล่อง น้ำดื่ม และสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้น
มท.2 กล่าวต่ออีกว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์พายุต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ประเทศเป็นช่วงฤดูมรสุมของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจากนี้มรสุมก็จะเคลื่อนตัวไปยังภาคใต้ในช่วงเดือน ต.ค. - ธ.ค. ต่อไป โดยยังคงเน้นย้ำในเรื่องแผนเผชิญเหตุ-แผนอพยพ เป็นสำคัญ และขอให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้มีความเข้าใจถึงแผนและการประสานการปฏิบัติที่ถูกต้องตรงกัน รวมทั้งการประสานงานเพื่อให้การช่วยเหลือกับหน่วยงานภาคี เช่น องค์กรปกครองท้องถิ่น อาสาสมัครมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสูงสุด
" อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ฝนตกชุกและน้ำป่าไหลหลากในขณะนี้ เรายังคงต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งการรายงานและช่วยเหลือสถานการณ์ฉุกเฉินในทันที ซึ่งหากปริมาณฝนตกพื้นที่ภูเขาและพื้นที่สูงต่าง ๆ ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราก็ต้องเตรียมรับมือผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เชิงเขา ซึ่งพี่น้องประชาชนที่มีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าว ต้องเตรียมตัวและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการอพยพในทันทีและขอให้รักษาชีวิตเอาไว้ก่อนเป็นลำดับแรก เพราะ ก่อนหน้านี้ จากเหตุการณ์พายุโซนร้อน "ซินลากู" ได้ทำมีผู้เสียชีวิตไป 3 ราย และสาเหตุหลักมาจากกระแสน้ำที่รุนแรงพัดพาทำให้เสียชีวิตทั้งสิ้น ดังนั้น พี่น้องประชาชนจำเป็นต้องให้ความร่วมมือในการอพยพและติดตามสถานการณ์พายุ และเหตุฝนตกในทุกระยะตลอดช่วงฤดูมรสุมนี้ เพราะไม่มีใครต้องการให้เกิดการสูญเสียกับเหตุการณ์เหล่านี้อีก" นายนิพนธ์ กล่าว