ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน เปิดใจ ปมสามีกัดดูดหลานสาว เผยพฤติกรรม ต้องย้ายไปอยู่กับลูก
24 ส.ค. 2563, 11:08
วันนี้ ( 24 ส.ค.63) ผู้สื่อข่าว ONB news ประจำ จ.สุรินทร์ รายงานถึงความคืบหน้ากรณี ที่นางสาว อัมพร (นามสมมุติ) ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.พิเชษฐ์ ชูโฉมงาม พนักงานสอบสวน สภ.สนม อ.สนม จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.63 ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่า นายสา (นามสมมุติ) ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา และเป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้กระทำอนาจารกับร่างกาย ด้วยการกัดดูดจนมีรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย ทั้งบริเวณหน้าอก แขน ไหล่ แผ่นหลัง และแก้ม หลังจากไปร่วมนั่งดื่มเบียร์ด้วยกัน ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง อยู่ตรงข้ามบ้านของผู้ใหญ่บ้าน ก่อนจะชวนกันไปดื่มต่ออีกหมู่บ้านหนึ่ง และกลับมาดื่มที่บ้านญาติของผู้ใหญ่ที่หมู่บ้านศรีสำโรงอีกครั้ง
ในช่วงค่ำผู้เสียหายจึงนอนหลับด้วยอาการเมา และมารู้สึกตัวอีกทีในช่วงตี 2 เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่า เสื้อผ้าก็ถูกถอดออกไปจนหมด เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว และยังพบนายสา (นามสมมุติ) นอนเปลือยกายอยู่ข้าง ๆ โดยไม่สวมใส่กางเกงใน ผู้เสียหายจึงรีบใส่เสื้อผ้า แต่ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ก็ยังพยายามลวนลามและอนาจารผู้เสียหายอยู่ จนผู้เสียหายต้องค่อย ๆ พูดดี ๆ เพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านหยุดพฤติกรรมดังกล่าว และเกรงว่าจะถูกทำร้าย โดยผู้เสียหายยืนยันว่า ยังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันแต่อย่างใด ก่อนที่จะเช้า สาวผู้เสียหายจึงไหว้วานให้ผู้ใหญ่บ้านขับรถไปส่งที่บ้าน และพบว่าร่างกายมีรอยเขียวช้ำไปทั่ว
จากนั้น ในช่วงเช้าของวันที่ 14 ส.ค.63 ผู้เสียหายได้รับข้อความส่งมาทางแชท ระบุว่า “อยู่ไส กูหมา แจ้งความเฮานะ สิเอาให้ตาย 15 ปีบ่หลายเด้อ” ผู้เสียหายจึงรู้สึกกลัวว่าจะถูกทำร้าย จึงปรึกษาพ่อ และพาไปแจ้งความไว้ ที่สถานีตำรวจภูธรสนม ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้และให้ผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ซึ่งได้แจ้งความตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.63 ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ส่วนผู้ใหญ่บ้านก็ยังวนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน จึงตัดสินใจร้องเรียนสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรม
เมื่อวานนี้ ( 23 ส.ค. 63) เวลา 09.30 น. พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ชูโฉมงาม พนักงานสอบสวน สภ.สนม เจ้าของคดี ได้เรียกผู้เสียหายเข้าไปสอบสวนและเอาหลักฐาน ก่อนที่เวลา 11.40 น. นางสาววันเพ็ญ หาญเสมอ นายอำเภอสนม ได้เชิญผู้เสียหายเข้าพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และจะเรียกตัวผู้ใหญ่บ้านที่ถูกกล่าวหามาสอบสวนอีกครั้ง พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะลงโทษทางวินัยต่อไป
ขณะที่ในช่วงเวลา 12.00 น.ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ได้แสดงตัวเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาที่อีกฝ่ายแจ้งความไว้ ด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด ซึ่งตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด เนื่องจากต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบเสียก่อน โดยในเบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหา ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมขอสู้คดีในชั้นศาลต่อไป ก่อนจะออกจากห้องสอบสวนเวลาประมาณ 13.00 น.และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้น ๆ ว่า มีสื่อบางสำนักนำเสนอข่าวเกินความจริง โจมตีตนเองฝ่ายเดียว ตนขอสู้คดี เอาความถูกต้องไปวัดกันที่ศาลต่อไป
ล่าสุดในเช้าวันนี้ (24 ส.ค.63) ผู้สื่อข่าว ONB news ได้เดินทางไปยังบ้านของที่นางสาว อัมพร(นามสมมุติ) พบว่าในช่วงเช้า เจ้าตัวได้เตรียมตัว นำเอกสารต่าง ๆ ที่รวบรวมมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้น เพื่อเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรม กับเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ สาขารัตนบุรี โดยมีนายวิโรจน์ ประครองใจ นักวิชาการยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ สาขารัตนบุรี มารับเรื่อง และสอบปากคำ นางสาวอำพร (นามสมมุติ) เพื่อรวบรวมเหตุการณ์ตลอดทั้งหลักฐานเอกสารที่นำมาร้องขอความเป็นธรรม
โดยนางสาว อัมพร(นามสมมุติ) เปิดเผยว่าที่มาร้องขอความเป็นธรรม กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ สาขารัตนบุรี เพราะว่า ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งแต่ วันที่ 14 สิงหาคม กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่มีความคืบหน้าการดำเนินคดีแต่อย่างใด เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ขณะที่นายวิโรจน์ ประครองใจ นักวิชาการยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ สาขารัตนบุรี กล่าวว่าเรื่องนี้ ทางศูนย์ดำรงธรรมสุรินทร์ สาขารัตนบุรี ได้รับเรื่องไว้และได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหาย และจะได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขึ้นสอบปากคำหลายๆคนเพื่อประกอบการพิจารณาและให้การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้ได้โทรศัพท์สอบถามถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว จาก นางสาววันเพ็ญ หาญเสมอ นาย อ.สนม ในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้เปิดเผยว่า วันนี้ได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอรับผิดชอบงานปกครอง ดูแลในเรื่องวินัยกำนันผู้ใหญ่บ้าน ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กับผู้ใหญ่บ้านผู้ถูกกล่าวหา แต่ไม่สามารถติดต่อผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวได้ และได้ให้ชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ตามหาตัวเพื่อมาสอบสวนข้อเท็จจริงอีกด้าน แต่ก็ไม่พบตัว ส่วนผู้เสียหายได้เดินทางมาให้ข้อมูลเบื้องต้นแล้วเมื่อวานนี้ ทั้งนี้หากตามตัวพบ และทำกาสอบสวน เมื่อพบว่ามีความผิดจริง ก็จะเสนอผู้ว่าตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อไป ซึ่งเราจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังร้านอาหารดังกล่าว ชื่อ “ร้านยายนาตาเฒ่า”ตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านของผู้ใหญ่บ้าน พบกับเจ้าของร้าน คือนายสุธิพงษ์ ปัสสารี อายุ 42 ปี เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุตนก็เห็นทั้ง 2 คนดื่มเหล้ากันปกติ จนถึงบ่ายสามเกือบบ่ายสี่ เดิมทีผู้เสียหายมาสั่งข้าวกินก่อน สักพักผู้ใหญ่ขับรถมาจากไหนไม่รู้ จึงเรียกผู้ใหญ่มากินด้วย แซวเล่นกัน ก็มานั่งกินด้วยกัน จนประมาณถึง 4 โมง 10 นาที ผู้ใหญ่จึงขับรถออกไปเอาเหล้ามา 1 แบน และเอาโซดามาดื่มกับเอ็มร้อย ตนก็ทำกับข้าวไป สักพักผู้เสียหายโทรตามเพื่อนมานั่งเป็นเพื่อน มาทานข้าวไม่ได้ดื่มเหล้า จากนั้นผู้ใหญ่ก็ชวนไปทุระ ตนได้ยินไม่ชัดเจนว่าไปไหน จากนั้นก็ขึ้นรถไปด้วยกัน 3 คน แต่ไม่รู้ว่าไปไหนต่อ ตนไม่ค่อยได้คลุกคลีกับผู้ใหญ่ แต่เป็นลูกค้าประจำที่นี่ นิสัยก็ปกติ ส่วนฝ่ายหญิงก็เป็นลูกค้าประจำเหมือนกัน แต่นิสัยลึกตนเองไม่รู้ ตนก็เห็นทั้ง 2 คนคุยกันปกติ เราไม่รู้ว่าสนิทกันขนาดไหนตนไม่รู้
ด้าน ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก็ทราบว่าสามีเป็นคนดื่มกิน ตนก็จำเป็นจึงต้องออกมาอยู่ในบ้านอีกหลังกับลูก เพราะทราบพฤติกรรมของสามีดี ส่วนการดื่มกินกับผู้หญิง ที่เป็นเรื่องราวกันตนก็เห็นว่า เห็นเขาดื่มกินด้วยกันเป็นประจำ และก็ไม่คิดว่าสามีตนเองจะทำลงไปได้แบบที่เป็นข่าว เพราะก็เห็นพวกเขาดื่มกินอยู่เป็นประจำ ส่วนสามีจะไปไหนในช่วงนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เป็นเรื่องของเขา ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย