เจอแล้วศพที่ 2 สังเวย ศาลาริมน้ำถล่ม ล่าสุดประกาศพื้นที่เสี่ยงภัย
17 ก.ค. 2562, 16:33
จากกรณีวานนี้ (16 ก.ค.) เกิดเหตุศาลาริมน้ำทรุดตัวพังถล่มลงไปในแม่น้ำแม่กลอง บริเวณท่าเรือข้ามฟากแสงวนิช ข้างวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 20 คน และยังคงสูญหายไปอีก 2 คน คือ นางสุรีย์ อุราชื่น แม่ค้าขายอาหาร และ น.ส.พรพิไล เสือเล็ก ลูกค้าที่มารับประทานอาหาร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เวลา 11.30 น. วันที่ 17 ก.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประจินต์ ธารศิริสินรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้มาอำนวยการด้วยตัวเองขณะนี้บริเวณท่าเทียบเรือหรือที่เกิดเหตุได้มีสื่อทุกแขนงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประชาชนใจจดใจจ่อว่าการที่ทำการกู้ซากเศษต่างๆขึ้นเพื่อเคลียพื้นที่ให้สะดวกขึ้นกับการค้นหาใต้น้ำว่าจะพบผู้สูญหายอีกหรือไม่ต้องคอยให้กระเเแสน้ำอ่อนลงจะทำงานดีที่สุด
นายประจิน เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบศพของ นางสุรีย์ อุราชื่น 1 ในผู้สูญหาย อยู่ใต้ซากปรักหักพังของศาลา จึงประสานรถเครนเพื่อยกขยับเศษซากปูน ก่อนที่จะนำศพขึ้นมาได้ และช่วงสายของวันนี้ก็ได้พบศพของ น.ส.พรพิไล เสือเล็ก ซึ่งเป็นรายสุดท้ายที่สูญหาย อยู่ใต้น้ำซึ่งถูกซากปรักหักพังของศาลาทับอยู่
ล่าสุด นายประจิน ธารศิริสิน รองผวจ.รักษาราชการแทน ผวจ.สมุทรสงคราม ได้ออกประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสงครามว่า ตามที่ได้เกิดเหตุศาลาร้านค้าริมแม่น้ำทรุดตัวลงแม่น้ำแม่กลองเสียหายทั้งหลัง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2562 เวลาประมาณ 12.45 น. บริเวณท่าเรือแสงวณิชฝั่งวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ส่งผลให้มีผู้บาดจ็บจำนวนมาก และมีผู้สูญหาย จำนวน 2 ราย นั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21,22 และ 49 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 จึงขอประกาศให้พื้นที่บริเวณท่าเรือข้ามฟากแสงวณิช อาคารศาลาริมน้ำตลอดแนวจนถึงบริเวณกำแพงวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ด้านซอยวัดเพชรสมุทร 2 เป็นพื้นที่เสี่ยงภัย และห้ามบุคคลหรือหน่วยงาน ผู้ประกอบการ ร้านค้า เข้าหรือใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด จนกว่าหน่วยงานผู้มีอำนาจหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบและรับรองความปลอดภัย หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศหรือขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ