ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายชาญณรงค์ เสนเผือก กำนันตำบลสองพี่สอง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ตามที่ทางผู้ราชการจังหวัดชุมพร ได้มีหนังสือแจ้งให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านของพื้นที่ที่ติดต่อกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านหรือมีช่องทางผ่านแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ให้ระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาของบุคคลจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งพื้นที่ อ.ท่าแซะ มี 2 ตำบลคือ ต.รับร่อ และ ต.สองพี่น้อง เป็นพื้นที่ที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศเมียนมา จากเขตรอยต่อระหว่างประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-ระนอง ระยะทางยาวกว่า 54 กม.

นายชาญณรงค์ กล่าวว่า ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของพื้นที่ชายแดนติดต่อกับชายแดนประเทศเมียนมา ทางตำบลสองพี่น้อง ซึ่งก่อนหน้าเคยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว 1 ราย ทุกคนได้ตื่นตัว และได้ร่วมบูรณาการร่วมกัน ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร รพ.สต.และสถานศึกษา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือ เพื่อระดมความคิด และแนวทางในการป้องกันพื้นที่อย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และไม่ให้มีการลักลอบหลบหนีเข้ามาอย่างผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด

นายชาญณรงค์ กล่าวต่อว่า ซึ่งหลังจากที่ได้ร่วมประชุมหารือกัน พบว่า ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรอบที่ผ่านมา มีแรงงานต่างด้าว ที่ใบอนุญาตขาด และมีการผ่อนปรน ให้อยู่ได้ และมีบางส่วน ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาไป และบางส่วนก็เดินทางกลับเข้ามา ทำให้ยอดแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนกับจัดหางาน ไม่นิ่ง ซึ่งก็ได้ให้ทุกหมู่สำรวจกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในพื้นที่พร้อมคัดกรองเป็นรายบุคคลเพื่อนำมาจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งหากมีบุคคลหนึ่งบุคคลใด ไม่ว่านายจ้างหรือแรงงานต่างด้าว ไม่ตรงกับข้อมูลการขึ้นทะเบียนกับจัดหางาน ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ในส่วนการป้องกันการลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมายตามเส้นทางธรรมชาติ นั้น นายชาญณรงค์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเส้นทางธรรมชาติ จำนวน 4 เส้นทาง ไม่พบการใช้เส้นทางมากว่า 3-4 ปีแล้ว อีกทั้งแต่ละเส้นทางก็มีตำรวจตระเวนชายแดนและหน่วยทหาร ออกลาดตระเวน อยู่เป็นประจำ ส่วนที่จะลัดเลาะไปตามป่า ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เนื่องจากพื้นที่รอยต่อตะเข็มชายแดนเป็นป่าทึบมาก และยังต้องเดินข้ามภูเขา ถึง 7 ลูก 9 ลำห้วย และต้องใช้เวลาเดินเท้าไม่ต่ำกว่า 3-4 วัน นอกจากนี้ชาวบ้านคนไทยที่อยู่ตามสวนตามเส้นทางธรรมชาติ ก็พร้อมเป็นตาสับปะรดให้อีกด้วย จึงแทบไม่มีช่องทางไหนเลยที่จะหลบเข้ามาได้

นายชาญณรงค์ กล่าวต่ออีกว่า แต่สิ่งที่น่าวิตกที่สุดที่จะเป็นพาหะนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาก็คือ คนไทย 2 กลุ่ม คือ คนไทยที่มีสวนอยู่ในประเทศเมียนมา ที่จะเดินทางเข้าออก ณ ด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประจำ ซึ่งคนไทยกลุ่มนี้ จะไปอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์แล้วกลับเข้ามา ส่วนอีกกลุ่มคือ คนไทยพลัดถิ่น ที่เข้าไปทำสวนในประเทศเมียนมา โดยจะใช้เส้นทาง เนิน 491 ซึ่งกลุ่มนี้จะไปเช้ากลับเย็น โดยสองกลุ่มนี้จากการประชุมได้มีมติเด็ดขาดที่จะนำมาตรการป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุข คือ หากจะออก-เข้า ต้องมารายงาน และจะต้องกักตัว เป็นเวลา 14 วัน หากฝ่าฝืนไม่ให้ความร่วมมือก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป//ประสิทธิ์ ลีฬหคุณากร /ชุมพร