"2ชาวต่างชาติ" ดำน้ำจับสัตว์ใต้ทะเลมาโชว์ อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์
1 ก.ย. 2563, 18:01
จากกรณี 2 ชาวต่างชาติบนเกาะพะงัน ที่ลงไปดำน้ำใต้ท้องทะเล และไล่จับสัวต์ทะเล เพื่อถ่ายภาพ นำไปเผยแพร่ อัฟลงในบูทูป และในเฟซบุ๊ค จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ล่าสุด 2 ชาวต่างชาติ ใช้วลีเด็ด อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ขอโทษที่ทำเรื่องดังกล่าวลงไป ขณะที่ ผอ.ศูนย์ทรัพยากรทางทะเล จ.สุราษฎร์ธานี เตรียมดำเนินแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อให้ดำเนินคดีกับชาวต่างชาติทั้ง 2 คนที่ลงไปดำน้ำจับสัตว์ทะเลมาถ่ายรูป ตามประกาศกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง อ.เกาะพะงันเป็นเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามมาตรตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในฏกกระทรวง ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
วันที่ 1 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกโซเชี่ยลกันเป็นอย่างมาก ที่มีชาวต่างชาติ 2 คน ที่อาศัยอยู่บนเกาะพะงัน พากันลงไปดำน้ำใต้ท้องทะเล แล้วแสดงพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสม โดดไล่จับสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลมาถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นปลาสวยงาม ดอกไม้ทะเล ร่วมถึงปะการัง และปลาปักเป้า แล้วนำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ลงในโซเชี่ยล จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสม เป็นการรบกวน และเป็นการทำร้ายสัตว์ใต้ท้องทะเล
ซึ่งล่าสุด ทางด้าน นายพูลศักดิ์ โสภณปทุมรักษ์ นายอำเภอเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.สภ.เกาะพะงัน นายจักรพงษ์ อดทน ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จ.สุราษฎร์ธานี ได้ร่วมกันติดตามชายชาวต่างชาติทั้ง 2 คน คือนาย ออตี้ล่า สัญชาติฮังการี ซึ่งเป็นครูสอนดำน้ำอยู่บนเกาะพะงัน และ นายฟรานซิโก้ ซิมโมเน็ตตี้ สัญชาติอิตาลี ซึ่งเปิดร้านอาหารอยู่บนเกาะพะงัน ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวชาวต่างชาติทั้ง 2 คน มาสอบสวนที่ สภ.เกาะพะงัน ซึ่งชาวต่างชาติทั้ง 2 คน ยอมรับว่าเป็นคนที่ลงไปดำน้ำใต้ท้องทะเลเกาะพะงัน โดยก่อนหน้านี้ได้ดำน้ำลงไใต้ทะเลบริเวณอ่าวสลัด ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน ได้ทำการจับสัตว์ทะเลมาถ่ายรูป และ นำไปเผยแพร่ในโลกโซเชี่ยลตามที่เป็นข่าว
โดยทางด้าน นายฟรานซิโก้ ซึ่งสามารถพูดภาษาไทยได้ เปิดเผยว่าที่ตนและเป็นทำลงไป จุดประสงค์ เพื่อที่จะต้องการเผยแพร่ภาพความสวยงามใต้ท้องทะเล ให้ผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำทั่วโลกได้เห็นถึงความสวยและความอุดมสมบูรณทางธรรมชาติ ใต้ท้องทะเลของเกาะพะงัน เพื่อเป็นการดึงดูดให้นักดำน้ำทั่วโลก ได้เดินทางมาสัมผัสความสวยดังกล่าว และเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังเกาะพะงันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหลักจากเกิดสถานการโรคโควิด 19 ก็ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ร่วมถึงนักดำน้ำในพื้นที่อำเภอเกาะพะงันลดน้อยลง
ทำให้ตนเองและเพื่อนไม่ทราบว่าการกระทำของตน และเพื่อนเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และเป็นการรบกวนและทำร้ายสัตว์ทะเล ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ตนและเพื่อนก็รู้สึกไม่สบายใจที่ได้กระทำเรื่องดังกล่าวลงไป ก็อยากจะขอโทษทุกคนกับสิ่งที่ตนและเพื่อนทำลงไป และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมขอโทษคนไทย
ขณะที่ทางด้าน นาย พูลศักดิ์ โสภณปทุมรักษ์ นายอำเภอเกาะพะงัน กล่าวว่า จากกรณีที่มีชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่บนเกาะพะงัน ได้ลงไปดำน้ำแล้วไล่จับสัตว์น้ำมาถ่ายรูปที่ปราฏเป็นข่าวนั้น ถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม โดยในพื้นที่เกาะพะงัน และเกาะเต่า ในขณะนี้ธรรมชาติใต้ท้องทะเลได้มีการฟื้นตัว และมีความอุดมสมบูรณ์สวยงาม ก็อยากฝากถึงผู้ประกอบการดำน้ำ ร่วมถึงนักดำน้ำ ที่จะไปดำน้ำดูความสวยงามใต้ท้องทะเล ต้องเคารพกฎระเบียบในการที่จะไปดำน้ำชมความสวยงามใต้ท้องทะเล ร่วมถึงการไม่ไปสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใต้ท้องทะเล เพื่อให้ความสวยงามใต้ท้องทะเลได้คงความอุดสมบูรณ์ตลอดไป ซึ่งจากนี้ทางอำเภอเกาะพะงัน จะมีการเชิญผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ มาประชุมกำชับถึงมาตรการดูแลรักษาความสมบูรณ์ใต้ท้องทะเล การให้บริการดำน้ำต้องไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเล และปะการังใต้ท้องทะเล
โดยทางด้าน นายจักรพงษ์ อดทน ผอ.ศูนย์ทรัพยากรทางทะเล จ.สุราษฎร์ธานี เตรียมดำเนินแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อให้ดำเนินคดีกับชาวต่างชาติทั้ง 2 คนที่ลงไปดำน้ำจับสัตว์ทะเลมาถ่ายรูป ตามประกาศกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง อ.เกาะพะงันเป็นเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามมาตรตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในฏกกระทรวง ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท โดยทางพนักงานสอบสวนเตรียมสอบปากคำชาวต่างชาติทั้ง 2 คน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามฏหมายต่อไป