รวบแล้ว "นายเอ๋" โจรจี้เซเว่น-แหกโรงพัก จนมุมตำรวจในป่าข้าวโพด
7 ก.ย. 2563, 09:30
วันที่ 6 ก.ย.63. จากกรณีที่ นายเอ๋ ชิเนหันนา อายุ 42 ปี ฉายา เอ๋ เซเว่น ผู้ต้องหาใช้ปืนปลอมบีบีกันจี้ชิงเงินร้านสะดวกซื้อ 2 สาขา กลางเมืองสระบุรี เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้เงินร่วม 3,000 บาท แล้วหลบหนี จากนั้นชุดสายสืบสระบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหา ได้ในรีสรอทร์ อ.มวกเหล็ก จ. สระบุรี เมื่อวันที่ 1 กันยายน นำตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จากนั้นในวันที่ 2 กันยายน ตำรวจสิบเวรนำตัวออกจากห้องควบคุม เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ขณะนั่งอยู่สบโอกาสได้กระโดดหนีจาก สภ.เมืองสระบุรี ทั้งที่ถูกสวมกุญแจมือ ก่อนขโมยรถจักรยานยนต์ ที่เสียบกุญแจทิ้งไว้ หน้าหมู่บ้านศศิธร 10 ในชุมชนเสือขบ หลบหนีไปอย่างลอยนวล
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังไล่ล่า และได้เพิ่มเงินรางวัลนำจับ จาก 10,000บาท เป็น 30,000 บาท โดยการหลบหนีของคนร้าย เอ๋ เชเว่น ยังหลบหนีต่อเนื่อง และวันที่ 5 ก.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ อ.ด่านขุนทด ได้พบรถต้องสงสัย คือรถฮอนด้า เวฟ สีแดง ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดอยู่กลางทุ่งนา ในเขต อ.ด่านขุนทด จ. นคราชสีมา ขอให้มาตรวจสอบ เมื่อส่งเจ้าน้าที่เข้าไปตรวจสอบพบว่า เป็นรถจักรยานยนต์ที่นายเอ๋ ขโมยขับมา แล้วไปจอดทิ้งไว้เนื่องจากน้ำมันหมด จึงได้เดินทางนำรถกลับมายัง สภ.เมืองสระบุรี
จากนั้นการข่าวทราบอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ด่านขุนทดได้รับแจ้งว่า มีรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า CBR 150 สีแดง ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ได้ถูกคนร้ายเข้ามาขโมยไปจาก อพาร์ทเม้นท์รับทรัพย์ ม.1 ต.ด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งทางเจ้าของรถได้จอดไว้หน้าห้องพัก เนื่องจากเจ้าของเมาจึงไม่ได้ล็อกและคากุญแจไว้ โดยจอดที่หน้าห้องพัก สตาร์ทเครื่องแล้วขับหลบหนีไป แล้วมาปั๊มน้ำมันที่ อ. ด่านขุนทดว่า ว่ารถคันดังกล่าวได้มาจอดเติมน้ำมัน เป็นเงิน 180 บาท และขับหนีออกไปโดยไม่จ่ายค่าน้ำมัน อีกด้วย พร้อมทั้งยังได้แวะชื้อน้ำแป็บชี่ข้างทางร้านค้าแต่ไม่ลงจากรถ โดยให้แม่ค้ามาส่งแต่ก็ไม่จ่ายเงินขับรถหนีอีกด้วย จนมาถูกรวบตัวจนได้ ช่วงค่ำวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา
หลังจากตำรวจ ชุดสืบสวน ภูธรจังหวัดสระบุรี ได้ติดตาม เอ๋ เชเว่น มาตลอด จนกระทั่ง ตำรวจติดตามความเคลื่อนไหว เอ๋ เชเว่นตลอด และพบเบาะแส ว่า เอ๋เชเว่นมีการเคลื่อนไหว จาก จ.ชัยภูมิ เข้าสู่ จ.เพชรบูรณ์ จึงได้ ติดตามมา ตลอด และสามารถจับกุมเอ๋ เชเว่นได้ที่ กลางป่าข้าวโพด ต.ท่าแดง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณื จึงนำตัวกลับมาที่ สภ.เมืองสระบุรี
ได้นำตัวนายเอ๋ เซเว่น มาที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี พร้อมด้วย ข้าวของที่นายเอ๋ เอาไว้ใช้สำหรับเดินทางหนี เช่น กระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบ วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ถุงมือ 2 คู่ รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดัง 2 คู่ หินเจีย 1 เครื่อง ขนมปัง และกาแฟกระป๋องอีก 6 กระป๋อง
พ.ต.อ.พิศณุ วิทยาภรณ์ ผ.ก.ก.สภ.เมืองสระบุรี สอบปากคำ ผู้ต้องหาด้วยตนเอง ซึ่งนายเอ๋ หรือปู รับว่า หลังหลบหนีไปทั้งกุญแจมือ ได้ย้อนกลับไปที่บ้าน ใน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ประกอบกับก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพ(ก่อสร้าง) มีหินเจียอยู่ที่บ้าน จึงนำมาใช้เท้าหนีบไว้แล้วใช้หินเจียตัดกุญแจมือเจ้าหน้าที่ตำรวจออก แล้วย้อนกลับมา จ.สระบุรีลัดเลาะหลบหนีไปตามถนนสายรอง ออกเดินทางมุ่งหน้าจะไปหางานทำที่ จ.ขอนแก่น แต่ไม่มีเงินติดตัว จึงโทรศัพท์กลับไปหาแม่ โกหกแม่ว่าอยู่ จ.นครปฐม เพื่อให้ส่งเงินมาให้ แต่ก็รู้ว่าถูกตำรวจดักฟัง จึงเปลี่ยนใช้โทรศัพท์ที่ขโมยไปพร้อมกับ รถ.จยย.ที่ด่านขุนทด โทรฯหาพี่สาว เพื่อขอเงินหลบหนี และทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจดักฟังอีก และรู้เส้นทางหลบหนีของตนแล้ว จึงหลบหนีไปทาง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ และเตรียมย้อนกลับมา จ.ลพบุรี แต่มาถูกจับกุมได้เสียก่อน ต่อจากนี้คงมีอีกหลายคดีที่ตนเคยก่อไว้ตามมาอายัดตัวเพิ่มอย่างแน่นอน
ด้าน พ.ต.อ.พิศณุ ผ.ก.ก.สภ.เมืองสระบุรี เปิดเผยในรายละเอียดตามที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาเพิ่มเติมจากเดิมที่ก่อเหตุในพื้นที่ สภ.เมืองสระบุรี คือชิงทรัพย์ร้านเซเว่น และรถ จยย. อีกข้อหาคือหลบหนีระหว่างถูกควบคุมตัว ส่วนในท้องที่อื่นๆ ที่ สภ.ด่านขุนทด ก็มีลักทรัพย์รถ จยย.และโทรฯมือถือ และอื่นๆ จะมีอีกหรือไม่ ต้องรอการประสานกันอีกครั้งหนึ่ง ในขณะเดียวกันตนได้แจ้งความดำเนินคดีกับ พนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ ที่มาเบิกตัวผู้ต้องหาออกมาสอบสวนโดยไม่ขออนุญาติจากตน เป็นเหตุการณ์กระทำโดยประมาทผิดกฎหมายอาญามาตรา205