สภาพอากาศในช่วงฤดูฝนปีนี้ที่จังหวัดสุรินทร์ ถือว่าฝนตกลงมาน้อยมากเมื่อเทียบปีที่แล้วช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ที่จะมีฝนตกลงมา ในขณะนี้ทำให้ต้นกล้าข้าวหอมมะลิ ที่ชาวนาปลูกมาได้สามเดือน โดยเริ่มปลูกตั้งแต่เดือนมิถุนายน จนถึงขณะนี้ต้นกล้าข้าวกำลังเจริญเติบโตและต้องการน้ำและปุ๋ย ในการบำรุงต้นข้าว แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ฝนที่ตกลงมาไม่มีน้ำเพียงพอ ที่ทำให้ต้นข้าวเติบโตได้อย่างเต็มที่ และหลายพื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์ ฝนทิ้งช่วงไปนานนับเดือน ทำให้ต้นข้าวในแปลงนาเหี่ยวแห้งยืนต้นตาย พร้อมกับมีต้นหญ้า ต้นวัชพืชอื่นๆขึ้นแทรกมากับต้นข้าว ชาวนาก็จะใช้วิธีการตัดทั้งต้นข้าวและต้นหญ้า วัชพืชอื่นๆ ออกจากแปลงนา เพื่อรอน้ำฝนที่จะตกลงมา แต่หลายแห่งฝนไม่ตกลงมา ต้นข้าวที่ตัดไว้ก็แห้งตาย บางรายใส่ปุ๋ยไว้รอฝน เห็นก้อนเมฆตั้งเค้ามาเข้าใจว่าฝนจะตกแต่แล้วฝนไม่ตก ปุ๋ยที่หว่านไว้กลายเป็นความเค็มทำให้ต้นข้าวแห้งตายเร็วขึ้นไปอีก

นายพิรุณ อุ่นศรี ชาวนาบ้านโคกมะเมียน ต.นอกเมือง อ.เมืองสุรินทร์ บอกว่าทำนาปลูกข้าวหอมมะลิไว้ 7 ไร่ บอกว่าถึงช่วงเดือนกันยายนนี้ ปีนี้ถือว่าแล้งมาก ถ้าเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ปีที่แล้วเดือนนี้ มีฝนตกในนาจะมีน้ำขัง ใส่ปุ๋ยต้นข้าวจะงามแตกกอ แต่ปีนี้แล้งมาก ต้นข้าวขึ้นมีต้นหญ้าและวัชพืชอื่นๆขึ้นมาก็ใช้เครื่องตัดหญ้าตัดทั้งต้นข้าว ต้นวัชพืชออก เพื่อรอฝนตกลงมาจะได้ใส่ปุ๋ยเร่งให้ต้นข้าวโตขึ้น แต่พอตัดต้นข้าวแล้วไม่มีฝนตกลงมาบางส่วนที่หว่านปุ๋ยไว้ไม่มีน้ำดินเค็มต้นข้าวแห้งตาย ถ้าฝนไม่ตกอีกสัก 7 วัน ข้างหน้าคาดว่าต้นข้าวคงขาดน้ำแห้งตายไปเป็นจำนวนมาก

ด้าน นายบ่าว บุญสม อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 63 บ้านหนองดุมหมู่ ที่13 ต.หนองเหล็ก อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ กล่าวว่าตนเองมีที่นาจำนวน 2 แปลง แปลงละ10กว่าไร่ เวลานี้ฝนทิ้งช่วงฝนฟ้าไม่ตกลงมาเลยทำให้ข้าวกล้าของตนที่หว่านเอาไว้แห้งเหี่ยวเฉาไปหมดทั้งแปลงเสียหายจำนวนมากตนเองไม่รู้จะทำอย่างไงวอนให้ทางรัฐเร่งหาทางช่วยเหลือด่วนด้วย