เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ช่างภาพสำนักข่าวใหญ่ ขอลาออก รับไม่ได้องค์กรเสนอแต่ข่าว "ลุงพล" เพราะกระหายเรตติ้ง


9 ก.ย. 2563, 12:45



ช่างภาพสำนักข่าวใหญ่ ขอลาออก รับไม่ได้องค์กรเสนอแต่ข่าว "ลุงพล" เพราะกระหายเรตติ้ง




 

จากเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม สู่การเป็นคนดังระดับประเทศ สำหรับ ลุงพล ไชย์พล วิภา วัย 44 ปี แห่งบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ที่ตอนนี้ เดินสายรับงาน ประหนึ่งดาราดัง  มีนักข่าวเข้าไปปักหลักตามติดชีวิตทุกวัน แถมยังมีงานจ้างติดต่อมากมาย เดินสายออกรายการ เดินแบบ และกำลังจะเป็นนักร้องอาชีพ จนทำให้นักปั้นชื่อดัง อย่าง "อุ๊บ วิริยะ" เอ่ยปากขอเข้ามาดูแลและรับงานอีเว้นท์ให้  ซึ่งตอนนี้หากนับงานที่ติดต่อเข้ามาแล้วเรียกว่าเกิน 10 ชิ้นไปแล้ว


งานนี้จึงเป็นที่มาให้โลกโซเชี่ยล สับเละ แห่แบนลุงพล รวมถึงสปอนเซอร์ทุกแบรนด์ที่สนับสนุนลุงพล ทั้งของกินของใช้ รายการทีวี ไปจนถึงคอนโดมิเนี่ยมสุดหรูที่จ้างลุงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ เนื่องจากโซเชี่ยลให้เหตุผลว่า คดีน้องชมพู่ยังไม่กระจ่างว่าใครเป็นคนผิด ลุงพลถือเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยตราบใดที่คดียังไม่จบ ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมในการสนับสนุนไอดอลแบบนี้ที่ยังไม่เคลียร์ตัวเอง แถมยังโหนคนตายจนมีชื่อเสียง ขณะที่อีกกระแสมีความเห็นว่า ผู้ต้องสงสัย ยังถือว่าลุงพลเป็นผู้บริสุทธิ์และเป็นคนมากความสามารถ
 

ล่าสุดวันนี้ (9 ก.ย.) ในโลกออนไลน์ก็ได้มีการติดแฮชแท็ก #แบนลุงพล กระหึ่มโซเชียล หลังเรื่องราวของลุงพลถูกนำเสนอในสื่อต่าง ๆ อย่าง "มากเกินพอดี"

 



นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Songpon Ruengsamut ซึ่งเป็นหัวหน้าช่างภาพของ สำนักข่าวโทรทัศน์ช่องดังสำนักหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า ตนทนไม่ไหวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนต้องขอลาออกจากงาน เพราะไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตเรื่องราวเหล่านี้อีกต่อไป ข้อความระบุว่า

ขอโทษกับความเน่าเฟะกรณีลุงพล ป้าแต๋น และบ้านกกกอก จากน้ำมือของ "สื่อมวลชนอย่างพวกเรา" ที่หยิบยื่นให้กับสังคม ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา

ผมทำหน้าที่เป็นหัวหน้าช่างภาพข่าวของหนึ่งในสถานีโทรทัศน์ที่นำเสนอข่าวนี้มาโดยตลอด ผมทำงานที่นี่มา 6 ปี ตั้งแต่วันแรกของการออกอากาศ จนวันนี้ไม่สามารถอดทนกับเรื่องที่เกิดขึ้นและได้ตัดสินใจเดินออกมาแล้ว

จากคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ที่ถูกนำเสนอโดยสื่อมวลชนกลุ่มหนึ่งและ "ผมคือหนึ่งในนั้น" ที่มีส่วนทำให้คดีความ 1 คดี กลายเป็นเรียลลิตี้ชีวิตของลุงพล-ป๋าแต๋น เรียลลิตี้ความแตกแยกของครอบครัวๆหนึ่ง ชีวิตคนในหมู่บ้านกกกอก เรื่องไสยศาสตร์ ความงมงาย และการมอมเมา

"เราขายข่าวรายวัน" "เราหน้าไม่อาย" "เราไม่สนผิดถูก" "เราไร้จรรยาบรรณ" คือสิ่งที่สังคมตั้งคำถาม และมันถูกต้องทั้งหมด เรานำเสนอเรื่องราวที่ห่างไกลจากสิ่งที่ควรจะเป็นจนกู่ไม่กลับ หาประโยชน์และปล่อยให้กลุ่มคนที่ต้องการผลประโยชน์จากเรื่องนี้เข้ามารุมทึ้ง "เราอยากได้กระแส และต้องการเพียงแค่ยอดคนดู ยอดกดไลก์ ยอดแชร์"

บางคนแก้ต่างว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สื่อฯอย่างพวกผม ทำไปเพื่อตอบสนองความกระหายใคร่รู้ของคนในสังคม หรือช่วยเหลือให้ชาวบ้าน 2 คนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มันไม่ใช่แค่สิ่งนั้นแน่นอน มันคือผลประโยชน์ทั้งนั้น

ยอมรับกันสักทีเถอะว่า "เรา" คือตัวแปรสำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดความบิดเบี้ยวทั้งหมดนี้ เพราะเราหิวกระหายเรตติ้งกันเหลือเกิน "เรตติ้ง" คือทุกสิ่งทุกอย่าง "เรตติ้ง" คือปัจจัยที่จะบอกได้ว่าคุณอยู่หรือไป
และ "เรตติ้ง" ก็กลายเป็นข้ออ้าง ที่ทำให้คนบางกลุ่มยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มา

ผมเป็นหนึ่งคนที่รับรู้เรื่องราว ที่ถูกสร้าง ปั้นแต่งและถูกนำเสนอผ่านหน้าจอมาโดยตลอด และตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า "พวกเราทำอะไรกันอยู่" "มันไม่ใช่ปรากฏการณ์ ไม่ใช่ความแปลกใหม่ ไม่ใช่..อะไรทั้งสิ้น"

วันนี้ ผมซึ่งระลึกเสมอว่าตัวเองเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ และพยายามจะแก้ไขอะไรบ้าง แต่สุดท้าย "ผมขอยอมแพ้กับความบิดเบี้ยว และยอมรับว่าตัวเองไม่สามารถท้วงติง หรือเปลี่ยนแปลงอะไรที่เกิดขึ้นจากต้นทางได้"

ทุกอย่างยังดำเนินต่อไป ด้วยเหตุผลที่สรรหากันมา

ผมขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด และหวังว่าเมื่อเหตุการณ์จบลง ทั้งเราและคนดูบางกลุ่มน่าจะได้บทเรียนจากเรื่องนี้บ้าง และขออย่าเหมารวมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือภาพทั้งหมดของ "สื่อมวลชน" ผมยืนยันว่าในสภาวะที่มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องเผชิญ วันนี้ยังคงมีเพื่อนสื่อมวลชน ที่พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง ทำหน้าที่ของสื่ออย่างที่ควรจะเป็นให้ได้ดีที่สุด ผมขอบคุณและขอให้กำลังใจเพื่อนสื่อมวลชนที่ยังยืนหยัดทำหน้าที่อย่างถูกต้องต่อไป

ทรงพล เรืองสมุทร

9 กันยายน 63

หลังการประชุมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

 


 

 

 

 

 

ภาพ อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ นักปั้นมือทอง - Fanclub






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.