พระครูสุวัฒน์สังฆกิจ" หรือ "หลวงปู่สุข ยโสธโร"  วัด แสนสุขสันติธรรม  หมู่ 11 ต.หนองบุนนาก อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา พระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคมสืบสายธรรมจากหลวงปู่รอด พรหมสาโร วัดบ้านไพ อ.โนนสูง และหลวงปู่อุ่น ฐิตธัมโม วัดบ้านเกรียม อ.โนนสูง อดีตพระเกจิชื่อดังโคราช ปัจจุบันสิริอายุ 84 พรรษา  จำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่วัดทรัพย์อุดมธรรม  มีนามเดิมว่า สุข มุ่งจุลกลาง เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2479 ที่บ้านเกรียม ต.ขามเฒ่า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา 

อายุ 7 ขวบ บิดามารดาเสียชีวิต จึงอยู่ในความอุปการะของพี่สาวและพี่ชาย เป็นคนว่านอนสอนง่ายหลังจากจบชั้นประถมศึกษา ป.4 จากโรงเรียนในหมู่บ้านแล้ว ก็ออกมาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา อายุครบบวช ในปี พ.ศ.2499 เข้าพิธีอุปสมบท ที่อุโบสถวัดบ้านเกรียม ต.ขามเฒ่า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โดยมีพระครูสุวรรณจิญจาภิบาล เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับนามฉายาว่า ยโสธโร

จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดบ้านเกรียม มุมานะศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ จากสำนักเรียนวัดบ้านเกรียม ในระหว่างนั้นท่านก็ได้ศึกษาตำรับตำราหลากหลายแขนงควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาษาบาลี ภาษาขอม 

นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจด้านวิทยาคม จึงไปฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิทยาคมจากหลวงปู่รอด พรหมสาโร จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านไพ อยู่ไม่ไกลจากวัดบ้านเกรียมมากนัก โดยหลวงปู่รอด ถ่ายทอดวิชา ความรู้ อักขระเลขยันต์ คาถาอาคมให้จนแตกฉาน ทั้งยังฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงปู่อุ่น ฐิตธัมโม เจ้าอาวาสวัดบ้านเกรียม 

 

ปี พ.ศ.2520 เมื่อตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านเกรียมว่างลง ท่านได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองร่วมกับบรรดาญาติโยม จัดหาทุนมาพัฒนาถาวรวัตถุ อาทิ อุโบสถ หอระฆัง กำแพงแก้ว ศาลาการเปรียญ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการศึกษาสงฆ์ ด้วยผู้ที่มาบวชเรียนส่วนใหญ่ ล้วนมาจากครอบครัวที่ยากจน หากพระภิกษุ-สามเณรรูปใดในปกครองที่เรียนเก่ง ท่านก็จะให้ทุนสนับสนุน โดยท่านรับหน้าที่เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดบ้านเกรียม 

หลวงปู่ยังมีจิตสาธารณะ บริจาคปัจจัย ช่วยพัฒนาสาธารณูปโภคในชุมชน ด้วยท่านตระหนักอยู่เสมอว่าทั้งวัดและบ้านจะต้องเกื้อกูลกันทั้งสองฝ่าย อาทิ ในพื้นที่ช่วงหน้าแล้ง ค่อนข้างจะขาดแคลนน้อุปโภคบริโภค เนื่องจากหนองน้ำประจำหมู่บ้านอยู่ในสภาพตื้นเขิน จึงร่วมกับญาติโยม ร้องของบประมาณจากทางราชการขุดลอกจนประสบผลสำเร็จ 

หลังจำพรรษาอยู่วัดบ้านเกรียม นานกว่า 30 พรรษา ย้ายไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ อีกหลายแห่ง ในเมืองนครราชสีมา เมื่อมีอายุและพรรษามากขึ้น จึงย้ายออกมาจำพรรษาตามวัดในเขตชนบท ที่บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบเหมาะในการปฏิบัติธรรมมากกว่าวัดในเขตตัวเมือง

ด้วยความที่เป็นพระปฏิบัติดี ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนอย่างรวดเร็ว หลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนญาติโยมมาโดยตลอด เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพียงเท่านี้จะทำให้ชีวิตพานพบแต่ความสุขความเจริญ  ช่วงบั้นปลายชีวิต แม้ท่านจะอายุมากถึง 84 ปี แต่วัตรปฏิบัติของท่านยังเสมอต้นเสมอปลาย ยังออกรับบิณฑบาตเช้าทุกวัน และสวดมนต์ทำวัตรเช้า 3 ชั่วโมง ทำวัตรเย็น 2 ชั่วโมง ไม่เคยขาด

 

ทั้งนี้ วันที่15ก.ย.นี้ ขอเชิญลูกหลานหลวงปู่สุขเข้าร่วมงานมุทิตาจิตไหว้ครูสรงน้ำและรับพร(วันเกิด)หลวงปู่สุข ยโสธโร ณ.วัดแสนสุข ต.หนองบุนนาก อ.หนองบุญมาก พร้อมด้วยงานพิธี​พุทธาภิเษก​วัตถุมงคล​เหรียญ​สร้าง​บารมี​๗​รอบ​

14ก.ย.2563เวลา18.00น. หลวงปู่เมตตาเสกให้วาระแรก
15ก.ย.2563 วันคล้ายวันเกิด หรือวัน มุทิตาจิต หลวงปู่สุข​ ยโสธโร

เวลา05.09น. เริ่มพิธีพราหมณ์

เวลา06.09น.พิธีมหาพุทธาภิเษก​วัตถุมงคล​รุ่น"สร้าง​บารมี​๗​รอบ​
เวลา07.00.น.ตักบาตรพระสงฆ์​และเริ่มลงทะเบียน​โรงทานตา​มรายนามที่แจ้งความประสงค์​ร่วม​งานบุญ​

08.00 ถวายภัตตาหารเช้า

เวลา09.00.น.หลวงปู่ฉันต์ภัตตาหารหลังจากนั้นได้มอบเตียงผู้ป่วยและรถเข็น​ให้กับ​ร.พ.หนองบุญมาก​และร.พ.ส.ต.ในเขต​
 อำเ​ภ​อหนองบุญมาก​ทุกๆตำบล

เวลา09.30น..นางรำ รำบวงสรวง รำถวายหลวงปู่ ทั้งหมด 2ชุดนางรำ นำโดยครูเรณู​ นาฏศิลป์​และ​คณะครู​นักเรียน​โรงเรียน​เทียมนครวิทยาแสดงดนตรีไทย​และรำอวยพร​

10.30น.เสร็จพิธีรำบวงสรวงแล้วจะเป็นพิธี ไหว้ครู และสรงน้ำหลวงปู่และหลวงปู่ให้โอวาสธรรม