เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"2หนุ่มโรงงาน" ลาออกจากบริษัท กลับมาสานฝันตัวเอง ทำร้านกาแฟเล็กยึดความพอเพียงกลางบรรยากาศธรรมชาติ เปิดเพียง 4 เดือนลูกค้าเพียบ


4 มิ.ย. 2562, 09:24



"2หนุ่มโรงงาน" ลาออกจากบริษัท กลับมาสานฝันตัวเอง ทำร้านกาแฟเล็กยึดความพอเพียงกลางบรรยากาศธรรมชาติ เปิดเพียง 4 เดือนลูกค้าเพียบ




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 2 หนุ่มวัยรุ่นหลังเขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร ดีกรี ป.ตรี เอกพัฒนาชุมชน ม.ดัง ทำงานเมืองหลวง 2 ปี เหมือนชีวิตไม่ใช่ ลาออกจาบริษัท กลับมาสานฝันอยากทำร้านกาแฟเล็ก ในพื้นที่สวนทุเรียนบ้านเกิดขายธรรมชาติ ยึดความพอเพียง เปิดเพียง 4 เดือนลูกค้าเพียบ

โดยร้านกาแฟดังกล่าว ชื่อ มะลิลาคอฟฟี่ ตั้งอยู่ริมถนนสายเขาทะลุ-ดอยตาปัง ม.7 ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร หรือถนนหมู่บ้านเส้นทางเดียวกับทางขึ้นชมทะเลหมอก “ดอยตาปัง”ที่เป็นแลนด์มาร์กของการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดชุมพร มีนายศรายุทธ ทองภู อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 7 ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพรเป็น เจ้าของร้าน และมีนายอัฐทวี มณีโชติ อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 21/1 หมู่ 5 ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร เพื่อนวัยเยาว์ มาเป็นผู้ช่วยทุกอย่างในร้าน

โดยนายศรายุทธ เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะมาเปิดร้านกาแฟ เคยทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งที่ชลบุรี เงินเดือนกว่า 20,000 บาท ใช้ชีวิตเป็นลูกจ้างเงินเดือนมา 2 ปี ต้องอยู่กับความวุ่นวาย ผู้คนแออัด และยังต้องสูดมลพิษเข้าปอดทุกวัน จนกระทั่งเมื่อแต่งงานก็คิดที่จะกลับมาอยู่บ้านเนื่องจากภรรยาเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร ด้วยความที่ตนเองมีความฝันที่อยากจะมีร้านกาแฟเล็กๆสักร้าน เมื่อโอกาสมาถึง จึงปรึกษาครอบครัว ก่อนตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อมาทำร้านกาแฟ

นายศรายุทธ กล่าวว่า ร้านกาแฟแห่งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของครอบครัว และเพื่อนฝูง ที่มาช่วยกันทำโดยไม่เสียค่าจ้าง เพื่อตั้งใจที่จะต้องอยู่ร่วมกับชุมชนเพื่อให้ชุมชนได้มีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยยึดแนวคิดที่ว่า เอาวัตถุดิบของพื้นที่มาใช้ในร้าน ไม่ว่ากาแฟที่ชงก็จะเป็นกาแฟจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน คือกาแฟเขาทะลุชื่อกาแฟคอฟฟี่ฟาร์ม ขนมที่นำมาวางที่ร้านก็เป็นขนมจากคนในชุมชนทำมาวางจำหน่าย และที่สำคัญคือต้องการให้คนในชุมชน ได้กินกาแฟในรูปแบบต่างในราคาที่จับต้องได้ ไม่แพง เพียงแก้วละ 30-40 บาท และคุณภาพเทียบเท่าไม่แพ้กับกาแฟแบรนดัง ตามชุมชนเมือง ที่มีราคาสูงถึงแก้วละ 100 บาทขึ้นไป

นายศรายุทธ กล่าวอีกว่า ตนเองจึงคิดว่า ขายในราคาที่เราอยู่ได้ ลูกค้ารับได้ จนมีคำพูดต่อๆกันว่าจิบกาแฟที่มาลิลา ราคาแค่หลักสิบ แต่ได้ชมวิวหลักล้าน เพราะร้านกาแฟตั้งใจรังสรรค์ภูมิทัศน์ มีเต็นท์ที่สามารถนอนได้ มาทำเป็นแบลคด๊อปให้ทุกคนสามารถมาถ่ายรูปเซลฟีท่ามกลางธรรมชาติที่มีหุบเขาล้อมรอบแบบ 360 องศา จนทำให้วันนี้หลังจากที่เปิดมาได้เพียง 3 เดือน ก็มีลูกค้า ซึ่งจะเป็นคนในชุมชน ชาวสวน นักเรียน เจ้าหน้าที่ออฟฟิคและหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ จะแวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำ จนบางวันต้องเข้าคุยรอกันเลย และถึงแม้ว่าจะมีลูกค้ามาก ที่นั่งไม่พอ แต่ก็ไม่ขยายร้านให้ใหญ่กว่านี้ เพราะ เรายังคงยึดหลักการบริหารจัดการแบบครัวเรือน แบบพอเพียง เพื่อเปิดโอกาสให้คนในชุมชนที่มีความสามารถได้เปิดร้านในลักษณะเดียวกันเพิ่มอีก ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างอาชีพกระจายรายได้ให้กับชุมชนอีกช่องทางหนึ่งอีกด้วย

ในขณะที่ นายอัฐทวี มณีโชติ ซึ่งอดีตเป็นพนักงานค่ายโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง ที่เป็นวัยรุ่นที่เบื่องานในกรุงเทพมหานคร หนีความวุ่นวาย ต้องการมาใช้ชีวิตที่เรียบง่าย จึงตัดสินใจออกจากงานหลังรับโบนัสสิ้นปี เพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่บังเอิญเมื่อกลับมาอยู่บ้านและเป็นจังหวะเดียวกับที่นายศรายุทธ ซึ่งเป็นเพื่อนรักสมัยเรียนตั้งแต่สมัยปฐมจนแยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัย กำลังทำร้านกาแฟ จึงได้เข้ามาช่วยเป็นพนักงานประจำร้านที่ทำหน้าที่ทุกอย่างทั้งชง ทั้งปั่น สนุกใจ สบายกายที่ได้กลับทำงานที่บ้านเกิด










Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.