วันที่ 13 กันยายน 2563 หลังจากที่ติดตามตัวหมีควายที่หลุดออกมาโดยไม่ทราบสถานที่แล้วทำร้ายกำนันตำบลบริบูรณ์ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ทางกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 8 (ขอนแก่น) และฝ่ายปกครองท้องถิ่นอำเภอสีชมพูกว่า 300 นายได้ช่วยกันติดตามตัวโดยใช้การแกะรอยและใช้เทคโนโลยีโดรนแสกนความร้อนด้วยระบบอินฟาเรด เป็นระยะเวลา 6 วัน แต่ยังไม่สามารถตัวหมีควายตัวนี้ได้ เนื่องจากต้องการจับเป็นเพื่อตรวจสอบว่าเป็นหมีที่เลี้ยงหรือหมีตามธรรมชาติหรือไม่นั้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดนายสุเทพ มณีโชติ รอง ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยในฐานะผู้อำนวยการการปฏิบัติงานในครั้งนี้ว่า จากการติดตามหมีตัวนี้เบื้องต้นทราบว่าเป็นหมีเคยถูกเลี้ยงมาก่อนเนื่องจากพฤติกรรมจะวน ๆ เวียน ๆ อยู่ในที่เดิมโดยไม่ยอมหนีไปยังที่สูงเหมือนหมีธรรมชาติแต่อย่างใด หลังจากที่เราได้กระชับพื้นที่ภายในไร่อ้อยพื้นที่กว่า 30 ไร่ ตั้งแต่เช้าของวันนี้ แต่เนื่องจากป่าอ้อยมีความหนาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ยากต่อการเดินทางเข้าไปใช้ปืนยิงยาสลบได้ จึงได้วางแผนการทำรั้วตาข่ายเหล็กมาล้อมทั้ง 4 ด้าน เพราะป้องกันการหลับหนีของหมีตัวนี้
จากนั้นได้ประสานกับเจ้าของไร่อ้อย คือนายสุพจน์ แสนสิน ถึงการที่จะนำรถไถขนดาใหญ่จำนวน 2 คันเพื่อที่จะเปิดทางให้รถยกสูงเดินทางเข้าไปค้นหาตัวหมี
ส่วนแผนการที่จะจับกุมตัวหมีในวันนี้ จากที่ยังไม่สามารถหาตัวได้ในช่วงกลางวัน ในช่วงตอนเย็น ได้มีการวางตาข่ายไนลอนบริเวณริมป่าอ้อยติดกับสระน้ำ โดยคาดว่าหมีจะเดินทางลงมากินน้ำในเวลากลางคืน จะติดตาข่าย ซึ่งได้มีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าอย่างใกล้ชิด และอีกทางได้ประสานโดรนติดตั้งกล้องสแกนความร้อนด้วยอินฟาเรด มาบินสแกนในเวลากลางคืนอีกครั้ง โดยได้จัดนั่งร้าน หรือห้างตามจุดต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่ชุดยิงยาสลบขึ้นไปยิงยาเพื่อจับกุมตัว ตนมีความมั่นใจว่าหมีตัวดังกล่าวยังไม่หนีออกไปจากป่าอ้อยแห่งนี้แน่นอน