เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



รร.บ้านซองกาเลีย ผุดไอเดียใช้เวลาช่วงพักกลางวัน ติดต่อนักเรียน 24 คน ผ่านช่องทางกลุ่มไลน์ กระชับความใกล้ชิด


15 ก.ย. 2563, 20:38



รร.บ้านซองกาเลีย ผุดไอเดียใช้เวลาช่วงพักกลางวัน ติดต่อนักเรียน 24 คน  ผ่านช่องทางกลุ่มไลน์ กระชับความใกล้ชิด




วันนี้ (15 ก.ย. 2563) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า น.ส.พัชราภรณ์ ชำนาญหมอ ครูประจำชั้น ป.6 รร.บ้านซองกาเลีย สาขาบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ตั้งอยู่ติดชายแดนไทยเมียนมา ใช้เวลาช่วงพักกลางวัน ติดต่อนักเรียนในห้องเรียน 24 คน ผ่านช่องทางกลุ่มไลน์ ที่ครูและนักเรียนตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน ภายหลังจากที่เกิดวิกฤติโควิด-19 ทำให้นักเรียนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านไร่อ้อย บ้านบ่อญี่ปุ่น และในพื้นที่เจดีย์ล่าง (พญาตองซู ) เมียนมาไม่สามารถเดินทางมาเรียนได้ ตั้งแต่เดือน มีนาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากในห้วงเวลาดังกล่าวประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤติโควิด-19 ทำให้ทางการเมียนมา ไม่อนุญาตให้เด็กกลุ่มนี้เดินทางข้ามแดนมาเรียน

โดยในช่วงเปิดเทอม (ก.ค.) ที่ผ่านมา ครูได้ส่งตำราเรียนและใบงานไปให้ พร้อมทั้งให้นักเรียน เรียนผ่านช่องทางออนไลน์ โดยให้เวลาเด็กๆ ทำใบงาน 1 สัปดาห์ เสร็จแล้วจึงนำมาส่งครู พร้อมทั้งรับใบงานกลับไปทำใหม่ แต่มาวันนี้ไม่สามารถส่งใบงานได้ จึงใช้ช่องทางทั้งโทรศัพท์ เฟซบุ๊กและไลน์ เป็นช่องทางในการสอบถามความคืบหน้าและใช้สอนเด็กเมื่อเด็กนักเรียนไม่เข้าใจ เนื่องจากผู้ปกครองไม่สามารถอ่านภาษาไทยได้ ครู และเพื่อนๆในห้องเรียน จึงต้องช่วยกัน

เช่นเดียวกับเพื่อนๆ อีก 3 คน ที่มาโรงเรียน ก็จะทำหน้าที่ช่วยสอนเพื่อนที่ไม่เข้าใจหรือไม่สามารถทำการบ้านส่งครูได้ ด้วยการอธิบายผ่านช่องทางไลน์ของห้อง ที่ทุกคนช่วยกันตั้งขึ้นมา ซึ่งทุกคนต่างเต็มใจ และมักใช้เวลาว่าง ถามไถ่ความเป็นอยู่ของกันและกันเพื่อให้หายคิดถึง หากเป็นไปได้ทุกคนอยากให้เพื่อนๆ กลับมาเรียนร่วมกันเหมือนเดิม

ขณะที่ครูได้เตรียมแผนการจัดการเรียนการสอนเสริมในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และหลังเวลาเลิกเรียน หากทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากปีหน้าเด็กทั้ง 24 คน จะต้องเข้ารับการศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาแล้ว

โรงเรียนบ้านซองกาเลีย สาขาบ้านพระเจดีย์สามองค์ มีนักเรียน 187 คน ปัจจุบัน มาโรงเรียนได้เพียง 37 คน เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่มีครอบครัว ที่มี 2 สัญชาติ และบางส่วนยังไม่มีสัญชาติไทย และครอบครัวเข้าไปประกอบอาชีพและอาศัยอยู่ใน ชุมชน ที่อยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ในพื้นที่ประเทศเมียนมา ทำให้เมื่อมีโรคโควิด-19 ในประเทศไทยก็ดี หรือ ในประเทศเมียนมา ก็ดี เมื่อมีการปิดด่าน ส่งผลให้เด็กเหล่านี้ไม่สามารถ เดินทางข้ามแดนมาโรงเรียนได้ ซึ่งครูส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีให้คำปรึกษาและสอนผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้เด็กสามารถเรียนได้ให้มากที่สุด ก่อนจะใช้วิธีการสอนเสริมต่อไป เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง

ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในพม่า ทางการเริ่มมีความเข้มงวด ในพื้นที่พญาตองซู เมียนมา โดยห้ามชาวบ้านออกจากเคหสถานภายหลังเวลา 22.00 น. ขณะที่มีแนวโน้มสูงที่จะมีการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ขณะที่ฝ่ายความมั่งคงยังคงตรวจตรา บุคคลที่เดินทางผ่านจุดตรวจความมั่นคงบ้านน้ำเกิ๊ก อย่างเข้มงวด ทั้งยานพาหะ และคนที่เดินทางผ่าน เพื่อป้องกันชาวเมียนมาลักลอบเข้าเมือง และป้องกันการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามมาจากประเทศเมียนมา
 

 

 



 


 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.