วันที่ 16 ก.ย. 63 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 119 หมู่ 6 ต.บางปิด อ.แหลมงอบ จ.ตราด หลังได้รับร้องทุกข์จากนายอรรถพล  สมเจริญ ร้องขอความเป็นธรรมให้ช่วยตรวจสอบการทำรังวัดการออกโฉนดที่ดินที่มีข้อพิพาทกับนายบุญลือ  โสมอ่อง ซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องในการพิพาทที่ดิน นส.3 ก เลขที่ 1741 เนื้อที่ 4 ไร่ หลังนายอรรถพล อ้างว่าได้ซื้อที่ดินแปลงนี้ต่อมาจากนายสิน ยานนท์ ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรม ก่อนเข้ามาทำกินเมื่อช่วงปี พ.ศ.2539 และได้ทำกินเรื่อยมา

และต่อมาปี พ.ศ. 2557 นายบุญลือ (โจทก์) ได้ทำการรังวัด โดยเจ้าหน้าที่รังวัด สำนักงานที่ดินอำเภอเขาสมิงมาทำการรังวัด โดยนายอรรถพลอ้างว่า ทางเจ้าหน้าที่รังวัดได้ทำการออกรังวัดในพื้นที่ส่วนเกิน โดยออกเป็นโฉนดแปลงเดียวให้กับโดยออกโฉนดคล่อมลำรางสาธารณะ จนทำให้ตนเองต้องเสียที่ดินไป 1 ไร่เศษ และถูกรื้อบ้านบางส่วน ก่อนเป็นความฟ้องร้องกันนานถึง 7 ปี หลังศาลชั้นต้นได้พิจารณาคดีให้ฝ่ายโจทก์เป็นผู้ชนะ

นายอรรถพล เปิดเผยว่า ตนเองได้ต่อสู้คดีเรื่อยมา โดยได้นำเรื่องไปยื่นยังศาลอุทธรณ์ ไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อร้องขอความเป็นธรรม จนถึงศาลฏีกา ไม่รับวินิจฉัย ให้ยืนตามศาลชั้นต้น จนถูกบังคับคดีสั่งให้ทางฝ่ายโจทก์สามารถรื้อถอนบ้านพักอาศัยบางส่วนได้ และกั้นรั้วรวดหนามติดชิดบ้าน ทำให้อยู่อย่างลำบาก จึงได้ร้องมาทางสื่อมวลชนให้ช่วยตรวจสอบการทำการของเจ้าหน้าที่รังวัด ที่ออกโฉนดคุมคลอง และปักโฉนดกลางคลอง และทำการรังวัดก่อนออกโฉนดเป็นที่ผืนเดียวกัน

นายอรรถพลยังกล่าวอีกว่า ลำคลองดังกล่าวนี้ ผู้เฒ่า ผู้แก่ได้ใช้เรื่อแล่นเข้าออกทำมาหากินกันเรื่อยมา และตนเองได้ขอดูภาพถ่ายทางอากาศปี พ.ศ.2518 พื้นที่ดังกล่าวเป็นลำคลอง แต่ทางเจ้าหน้าที่รังวัดมาทำการปักโฉนดกลางคลองสาธารณะ และทำการออกโฉนดไปได้อย่างไร

และจากการที่ตนเองได้ตรวจสอบยังพบว่าที่ดินแปลงดังกล่าวกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศแบ่งเขตระหว่างอำเภอเขาสมิงและอำเภอแหลมงอบชัดเจนแล้วเมื่อปี 2541 ให้อยู่ในเขตของอำเภอแหลมงอบ แต่ทำไมเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินของอำเภอเขาสมิงมาทำการออกโฉนดให้ ซึ่งเป็นการผิดหมู่บ้าน ผิดตำบล ผิดอำเภอ เรื่องนี้ตนอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงด้วย ส่วนเรื่องคดีความที่ศาลตัดสินแล้วตนเองก็ยอมรับ แต่อยากเรียกร้องของความเป็นธรรม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รังวัดของสำนักงานที่ อำเภอเขาสมิง ว่ามีการออกโฉนดคล่อมคลองไปได้อย่างไร

ด้านนายบุญลือ ได้อ้างว่า จากการพิพาทที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ โดยเดิมที่ดินแปลงนี้เป็นนาข้าว ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นนากุ้งในภายหลัง ปู่ย่า ตายาย ของตนเองได้ทำมาหากิน และลำคลองที่นายอรรถพลได้กล่าวอ้างก็ไม่มี ตนเองได้ขุดขึ้นมาในช่วงทำนากุ้ง และจากการพิพาทฟ้องร้องกันนานกว่า 7 ปี ตนเองเป็นฝ่ายชนะ โดยศาลได้ตัดสินให้บังคับคดีแล้ว ซึ่งทางตนเองก็มีสิทธิ์ที่จะทำการรื้อถอนและปักแนวเขตให้ชัดเจน

ส่วนนายสิน สินยานนท์ เจ้าของที่คนเก่า เล่าว่า ที่ดินตรงนี้สมัยก่อนเป็นที่นาข้าว ต่อมาได้แปลสภาพเป็นนากุ้ง และที่แปลงนี้เป็นผืนสี่เหลี่ยมผืนผ้า  ซึ่งตนเองได้ขายให้กับนายอรรถพลมานานแล้วและไม่เคยมีปัญหา แต่จู่ๆที่ดินเปลี่ยนไปซึ่งตนเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้ ทั้งที่ในใบ นส.3 ก ก็ยังเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนเดิม ซึ่งตนเองก็อยากให้เจ้าหน้าที่ทำการรังวัดใหม่ให้ชัดเจนด้วย