เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



เปิดใจ "น้องอาร์ม" เด็กยอดกตัญญู ขายนมเปรี้ยวหาเงินเลี้ยงน้องพิการ-ยายชรา


22 ก.ย. 2563, 15:55



เปิดใจ "น้องอาร์ม" เด็กยอดกตัญญู ขายนมเปรี้ยวหาเงินเลี้ยงน้องพิการ-ยายชรา




จากกรณีเกิดกระแสข่าวหนุ่มน้อยวัย 13 ปี ที่มีน้องชายเป็นผู้พิการ จนต้องขอลาออกจากโรงเรียน ขณะกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 6 เพื่อออกมาทำงานรับจ้างเป็นพนักงานขายนมเปรี้ยวยี่ห้อดัง ในการหาเงินช่วยเลี้ยงดูน้องชายที่พิการ จนชาวเน็ตหลายรายต่างพากันสงสาร และพร้อมที่จะช่วยกันบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ แต่ก็ยังมีกระแสอีกบางส่วน เกิดความดราม่าพาเชื่อมโยงไปถึงเรื่องการเมืองและสวัสดิการการศึกษาของประเทศไทย จนเกิดการถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานานั้น

อ่านข่าวย้อน : หนูน้อยจบแค่ป.6 ดิ้นรนสู้ชีวิตเดินขายนมเปรี้ยวหาเงินเลี้ยงน้องพิการ กับยายชรา

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว วันนี้ (22 กันยายน 2563) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 7 ต.บางม่วง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นบ้านของ ด.ช.อนุวัฒน์ หรือน้องอาร์ม ผ่าสุขขี อายุ 14 ปี หนุ่มน้อยผู้ขายนมเปรี้ยวยี่ห้อดังที่ปรากฏเป็นข่าว แต่กลับไม่พบเจอกับเจ้าตัวแต่อย่างใด เนื่องจากน้องอาร์มได้ออกไปตระเวนขายนมเปรี้ยวกับ น.ส.สายฝน จันทร์เพ็ญ อายุ 31 ปี สาวขายนมเปรี้ยวยี่ห้อดังตั้งแต่เช้าแล้ว จึงพบแต่ นางแอด ผ่าสุขขี อายุ 59 ปี ผู้เป็นยาย กำลังดูแลน้องชายของน้องอาร์มวัย 10 ปี ซึ่งเป็นผู้พิการขารีบ เดินและพูดไม่ได้อยู่ภายในบ้านเพียง 2 คนเท่านั้น



จากการสอบถามนางแอด เล่าว่า พ่อแม่ของน้องอาร์มได้เลิกราและแยกทางกันไปนานหลายปีแล้ว และก็ไม่รู้ว่าขณะนี้พ่อของน้องอาร์มไปอยู่ที่ไหน ส่วนแม่ของน้องอาร์มไปทำงานอยู่ในกรุงเทพ และนานๆ จะกลับเยี่ยมลูกสักครั้งหนึ่ง ขณะที่ตัวของน้องอาร์มนั้น เป็นคนเงียบขรึมพูดน้อย และเพิ่งเรียนจบชั้น ป.6 แต่ไม่เรียนต่อ ก็อยู่ที่บ้านช่วยเลี้ยงน้องชาย แต่ก็ออกไปเที่ยวเล่นบ้างตามประสาเด็กๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ไปพบเจอกับ น.ส.สายฝน เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงที่รู้จักกัน และทำงานเป็นสาวขายนมเปรี้ยวยี่ห้อดัง มาชักชวนให้ไปขายนมเปรี้ยวด้วยกัน น้องอาร์มจึงตัดสินใจไปทำงานด้วย เพราะน้องอาร์มบอกว่า เห็นยายไม่มีรายได้อะไร จึงขอไปทำงานหาเงินช่วยเหลือยายและน้องชายดีกว่าอยู่ว่างป่าวไปวันๆ

“ชั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องรายได้ของหลานมากนักนะ แต่ในแต่ละวันหลานก็จะเอาเงินมาให้ชั้นเก็บไว้วันละ 200-300 บาท เพื่อนำมาให้ชั้นไว้ใช้จ่ายภายในบ้าน ทั้งค่าเลี้ยงดูหลายอีกคน ค่าอาหาร และค่าอื่นๆ อีกจิปาถะ ซึ่งทุกวันนี้ ที่ชั้นมีเงินไว้ใช้จ่ายก็มาจากหลานอาร์มเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนแม่ของหลานอาร์มไม่เคยส่งเสียเงินมาให้เลย” นางแอด ระบุ พร้อมกับบอกสิ่งที่ต้องการว่า อยากได้ความช่วยเหลือในเรื่องแพ็มเพิร์สของน้องชายของอาร์มมากที่สุด เพราะต้องใช้วันละหลายแผ่น ซึ่งเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากน้องอาร์ม ก็จะหมดไปกับค่าแพ็มเพิร์สซะเป็นส่วนใหญ่ โดยสามารถบริจาคได้ที่บัญชี นางแอด ผ่าสุขขี ธนาคารออมสิน สาขาสวรรค์วิถี อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เลขที่ 202062552837


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปทาง น.ส.สายฝน สาวขายนมเปรี้ยวยี่ห้อดัง ผู้ซึ่งว่าจ้างน้องอาร์มให้ไปช่วยขายของ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้องอาร์ม ได้รับการเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ เห็นน้องอาร์มเดินเตล็ดเตร่ไปมาอยู่แถวบ้าน และทราบว่าน้องไม่เรียนต่อ จึงได้ตัดสินใจชวนน้องอาร์มให้มาขายนมเปรี้ยวด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนก็เพิ่งตกงานมา เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด จึงได้ตัดสินใจไปสมัครงานเป็นคนขายนมเปรี้ยวยี่ห้อหนึ่ง และเขาก็เพิ่งรับให้ทำงานเป็นคนขายเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนน้องอาร์ม ก็เพิ่งมาช่วยตนขายได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น แต่ปรากฏว่า ตั้งแต่ที่มีน้องอาร์มมาช่วยขาย กลับทำให้ยอดขายของตนดีขึ้นอย่างมาก ต้องยอมรับว่า น้องอาร์มผิดจากที่เห็นในตอนแรก ดูคล้ายเป็นคนดื้อเงียบ แต่พอมาอยู่ช่วยขายของกับตน น้องอาร์มกลับกลายเป็นคนขยัน จะมาช่วยตนขายของทุกวัน

“ทุกวันนี้ หนูมีหน้าที่รับผิดชอบขายนมเปรี้ยวอยู่ในเขตพื้นที่ อ.ท่าตะโก ซึ่งจะต้องพาน้องอาร์มเดินทางด้วยมอเตอร์พ่วงข้างด้วยตู้แช่เย็นเดินทางไปที่ อ.ท่าตะโกทุกวัน ไปกลับรวม 100 กิโลเมตรทุกวัน ซึ่งตลอดระยะทาง ก็จะมีการแวะขายตามบ้านเรือนไปตลอดทางไปกลับด้วย ส่วนค่าจ้างที่หนูให้น้องอาร์มนั้น หนูจะมีการแพ็คขายนมเปรี้ยวเป็นถุงๆ ละ 16 ขวด จะขายถุงละ 100 บาท ให้น้องอาร์มไปเดินขายตามสำนักงานส่วนราชการต่างๆ และตามตลาดในเขตพื้นที่ อ.ท่าตะโก เมื่อขายได้ ตนจะหักกำไรจากการขายให้น้องอาร์มถุงละ 20 บาท ซึ่งก็มีค่าจ้างรายวันที่หนูต้องให้น้องอาร์มด้วยอีกวันละ 200 บาท บอกเลยว่า เวลาน้องอาร์มไปเดินขายของ น้องอาร์มจะขายดีมาก มีรายได้จากการขายตกวันละ 400-500 บาทเลยทีเดียว” น.ส.สายฝน กล่าว

 

และนอกจากนี้ น.ส.สายฝน ยังระบุด้วยว่า นอกจากจะพาน้องอาร์มไปตระเวนขายของตั้งแต่เช้าจนถึง 5 โมงเย็นแล้ว น้องอาร์มยังเป็นคนขยัน ชวนตนไปขายนมเปรี้ยวต่อให้ช่วงเย็นด้วย โดยจะพากันตระเวนไปขายตามตลาดและร้านอาหารให้เขตเมืองนครสวรรค์จนถึงเวลา 3 ทุ่มเกือบทุกวัน จึงทำให้น้องอาร์มมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีก รวมกับรายได้ในช่วงกลางวัน จะมีรายได้มากถึง 800-1,000 บาทต่อวันเลยทีเดียว เพราะนอกจากน้องอาร์มจะได้รายได้จากการขายแล้ว ยังได้ทริปจากลูกค้าตามร้านอาหารที่สงสารน้องให้ทริปเงินส่วนตัวมาอีกต่างหาก แต่เนื่องจากช่วงนี้ รายได้น้องอาจจะตกหน่อย เพราะมีฝนตกบ่อย จึงไม่ค่อยได้มาตระเวนขายช่วงเย็นมากนัก

 

เมื่อถามถึงอนาคตของน้องอาร์ม น.ส.สายฝน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เคยพูดคุยและถามน้องอาร์มหลายครั้งแล้วเรื่องเรียนต่อ ตนถึงขนาดจะช่วยส่งให้น้องอาร์มเรียนต่อในระดับมัธยมโรงเรียน กศน.ด้วยซ้ำ แต่น้องอาร์มกลับปฏิเสธไม่อยากจะเรียนต่อแต่อย่างใด จึงไม่รู้ว่าต่อไปอนาคตของน้องจะเป็นอย่างไร แต่ปัจจุบันนี้น้องอาร์มมาช่วยตนขายของ ตนก็จะดูแลน้องให้ดีที่สุด.






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.