เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



สิ่งที่ "น้องทราย" กับ "ลูเต้อร์" สาวพิการทางสายตาและสุนัขนำทาง อยากให้คนไทยได้รู้


20 ก.ค. 2562, 12:12



สิ่งที่ "น้องทราย" กับ "ลูเต้อร์" สาวพิการทางสายตาและสุนัขนำทาง อยากให้คนไทยได้รู้




เป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลหโซเชียลออนไลน์ในขณะนี้ สำหรับภาพหญิงสาวชาวไทย ผู้พิการทางสายตา เดินจูงสุนัขลาบราดอร์สีดำ ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นภาพแปลกตาที่คนไทยที่หลายคนอาจะไม่เคยเห็นมาก่อน และอาจเกิดความสงสัยว่ารถไฟฟ้าบีทีเอสอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในระบบได้หรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้บีทีเอสได้ออกมาเปิดเผยว่า บีทีเอสได้มีการอนุญาตสำหรับกรณีนี้มานานแล้ว แต่เนื่องด้วยประเทศไทยยังไม่เคยมีสุนัขนำทางผู้พิการทางสายตาแบบนี้มาก่อน จึงเป็นภาพแปลกตาของผู้ใช้บริการ 

หญิงสาวคนนี้ชื่อว่า น.ส.คีริน  เตชะวงศ์ธรรม เป็นเจ้าของสุนัขที่ชื่อ "ลูเต้อร์" ทรายเป็นผู้พิการทางสายตาที่เพิ่งจบปริญญาตรีด้านจิตวิทยาจาก Hendrix College ในสหรัฐอเมริกา สูญเสียการมองเห็นตอนอายุ 13 ปี เนื่องจากโรคเนื้องอกในสมอง เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทรายได้รับลูเต้อร์จากโรงเรียนฝึกสุนัขนำทางในรัฐนิวยอร์ค ชื่อ Guiding Eyes for the Blind ลูเต้อร์เป็นสุนัขนำทางและสัตว์เลี้ยงตัวแรกของทราย หลังจากได้ลูเต้อร์มา ทรายและลูเตอร์จึงได้เดินทางไปที่ต่างๆ ด้วยกัน  หลังจากจบมหาวิทยาลัย ทรายพาลูเต้อร์กลับเมืองไทย แต่ต้องพบกับอุปสรรคหลายอย่างในการนำลูเต้อร์ไปในสถานที่ต่างๆ เนื่องจากประเทศไทยไม่มีสุนัขนำทาง และคนไทยส่วนมากไม่รู้จักว่าสุนัขนำทางคืออะไร ด้วยเหตุนี้เธอจึงสร้างหน้าเฟสบุ๊คแฟนเพจ ผมชื่อลูเต้อร์ ขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ของเธอกับลูเต้อร์ และเป็นการสร้างความคุ้นเคยเกี่ยวกับสุนัขนำทางในประเทศไทย

โดยทรายและครอบครัวบอกว่า พวกเขาเข้าใจใน "ความไม่เข้าใจ" ของคนส่วนใหญ่ในสังคม รวมทั้งห้างร้านและเจ้าของสถานที่ต่าง ๆ ที่กังวลว่าสุนัขอาจไปสร้างความเสียหาย ก่อความรำคาญให้คนที่ไม่ชอบสุนัข หรืออาจทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในสถานที่นั้น ๆ ได้ เพราะในเมืองไทยไม่ค่อยมีใครใช้สุนัขนำทาง ทรายและลูเต้อร์จึงขออาสาเป็นจุดเริ่มต้นให้คนในสังคมรู้จักและเข้าใจสุนัขนำทาง คนตาบอด รวมถึงผู้พิการคนอื่น ๆ อยากให้ได้รู้เกี่ยวกับสุนัขนำทางกับผู้พิการทางสายตา ดังนี้



1. สุนัขนำทางไม่ใช่สัตว์เลี้ยง
ไม่อยากให้คนทั่วไปมีความคาดหวังหรือปฏิบัติกับเขาเหมือนสัตว์เลี้ยง เวลาที่ลูเต้อร์ใส่บังเหียนอยู่หรือกำลังนำทางทรายอยู่ ไม่อยากให้เข้ามารบกวน เช่น เรียกชื่อเขา ส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากเขา พยายามเข้ามาเล่นด้วย ลูบหัว ลูบตัว ต้องขอว่าอย่าทำอย่างนั้นเพราะเขาต้องใช้สมาธิเยอะในการนำทางและดูแลไม่ให้ทรายไปชนข้าวของ ดังนั้นถ้าเขาเสียสมาธิ อาจทำให้ทรายเดินชน หรือถ้าข้ามถนนอยู่ก็จะอันตรายมาก

2. สิทธิตามกฎหมายของผู้พิการ
ทั้งในไทยและต่างประเทศ มีกฎหมายว่าสุนัขนำทางสามารถเข้าถึงสถานที่ที่คนทั่วไปเข้าได้ ถึงแม้ว่าสถานที่นั้นจะเป็นสถานที่ที่ไม่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้าก็ตาม เพราะสุนัขนำทางถือเป็นอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางสายตาเหมือนกับการใช้ไม้เท้าหรือวีลแชร์

3. สุนัขนำทางได้รับการฝึกมาอย่างดี อึ-ฉี่ ไม่มีปัญหา
สุนัขนำทางถูกฝึกและได้การรับรองมาอย่างดีแล้วว่าเขาจะไม่ก่อความรบกวนเหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป คือจะไม่ไปอึ ฉี่ ทำความเสียหาย ส่งเสียงดัง ดังนั้นจึงสามารถเข้าถึงทุกสถานที่ได้ อย่างลูเต้อร์จะไม่ขับถ่ายในอาคารเด็ดขาด และก่อนออกเดินทาง ทรายจะพาลูเต้อร์ไปขับถ่าย และจะพกถุงเก็บอึไปด้วยตลอด

4. แม้จะดูเหมือนนอน แต่สุนัขนำทางก็อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
สมมติว่าทรายนั่งกินข้าวที่ร้านอาหาร แล้วเขานอนอยู่ใต้โต๊ะเฉย ๆ ก็ไม่ได้แปลว่าจะเข้ามาเล่นได้ ถ้าเขายังใส่บังเหียนอยู่ แปลว่าเขายังทำงานอยู่ คนอาจจะเห็นว่านอนอยู่นิ่ง ๆ ก็คิดว่ามาเล่นได้ แต่จริง ๆ แล้ว การที่เขานอนอยู่นิ่ง ๆ นั่นคือเขากำลังควบคุมตัวเองไม่ให้วิ่งทั่ว ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน

5. สี่ตีนยังรู้พลาด
ลูเต้อร์ก็เป็นสุนัขตัวหนึ่ง ไม่ได้เป็นหุ่นยนต์ หมายความว่าเขาทำความผิดพลาดได้ บางทีเขาก็พาทรายเดินชนเพราะว่าเขากะระยะผิด ทรายก็ต้องแก้ไข ฝึกเขาไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เดินทางไปด้วยกัน ดังนั้นถึงเขาจะฝึกมาอย่างดีแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะทำถูกร้อยเปอร์เซ็นต์


6. สุนัขนำทางไม่ใช่จีพีเอส
บางคนเข้าใจผิดคิดว่า สุนัขนำทางรู้ทาง จริง ๆ แล้ว เราต้องรู้เส้นทางก่อนว่าเราจะไปยังไง ไม่ใช่บอกว่าจะไปที่นี่แล้วเขาจะพาไปได้เลย เราต้องรู้เส้นทางที่จะไป แล้วเราถึงจะสั่งเขาให้ไปตามทิศทางนั้น อยากให้เข้าใจว่าเขาเป็นเหมือนอุปกรณ์ที่ช่วยเหลือคนพิการ ดังนั้นคนพิการจะต้องมีความสามารถในการใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว สามารถเดินทางได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าหมาจะมาทำให้เราทุกอย่าง

7. สุนัขนำทางไม่ได้ถูกบังคับให้ทำงาน
จากการที่คุยกับเพื่อนชาวต่างชาติในกลุ่มคนตาบอดที่ใช้สุนัขนำทาง เขาบอกว่ามีบางคนกังวลว่าเราไปบังคับให้สุนัขนำทางมาทำงาน แต่จริง ๆ คือ ไม่ใช่ สุนัขทำงานเขาทำงานด้วยความเต็มใจ เพราะว่าถ้าเขาไม่อยากเป็นสุนัขนำทาง เขาก็จะสอบไม่ผ่านการทดสอบของโรงเรียนฝึกสุนัขนำทางอยู่แล้ว เขาก็ไม่สามารถมาเป็นสุนัขนำทางได้

8. อย่าคิดและตัดสินใจแทนคนพิการ
ทรายอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในทัศนคติของคนในสังคมที่มีต่อคนพิการ ไม่อยากให้มองว่าคนพิการเป็นคนโชคร้าย ด้อยกว่าคนอื่น ทำอะไรไม่ได้ หรือเป็นคนที่น่าสงสาร อยากให้มองเขา ปฏิบัติกับเขาและให้โอกาสเขาทำอะไรเท่าเทียมกับคนอื่น ๆ ไม่ใช่ตัดสินใจให้เขาว่าอันนี้ทำไม่ได้หรอกเพราะคุณมองไม่เห็น เพราะถ้าคิดแบบนั้นเราก็จะไม่มีโอกาสพิสูจน์ให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วเราทำได้

9. คนพิการสามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้อย่างเป็นอิสระ
คนตาบอดที่ใช้สุนัขนำทาง เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้อย่างเป็นอิสระ ขอเพียงแค่มีสิ่งช่วยเหลือที่ถูกต้องและมีสังคมที่ให้โอกาสเขาได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง

 

ข้อมูล : ผมชื่อลูเต้อร์ , bcc thai






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.