วันที่ 23 ก.ย.63. เวลา 21.30 น. ศูนย์กู้ภัยสว่างสระบุรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามี อุบัติเหตุรถจยย.ตกคลองข้างทาง ซึ่งเป็นป่ารกทึบ มีผู้บาดเจ็บนอนอยู่ในป่า 1 ราย  ที่บริเวณ ถ.เลียบริมคลองชลประทาน ต.นาโฉง อ.เมือง จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างจึงได้ไปที่เกิดเหตุ 

ในที่เกิดเหตุ เป็นที่มืดเป็นป่าละเมาะทึบ ต้องใช้แสงสว่างจากโทรศัพท์มือถือหลายๆเครื่อง ส่องเข้าไปในป่า จึงพบ รถจยย.และผู้บาดเจ็บอยู่ข้างใน จึงได้ช่วยกันนำตัวผู้บาดเจ็บออกจากป่าขึ้นมานอนบนพื้นถนนข้างทาง  สภาพในขณะนั้น ผู้บาดเจ็บมีอาการแน่นิ่ง สวมเสื้อแขนยาวสีฟ้า กางเกงยีนส์ขายาว  ชีพจรอ่อน จึงได้ช่วยกันทำการcpr แต่ไม่ได้ผล ชีพจรอ่อนลงทุกที จึงได้รีบนำตัวผู้บาดเจ็บไปส่งที่รพ.สระบุรี เพื่อให้หมอดูอาการรักษา  และจึงได้แจ้งไปยัง พ.ต.ท.ภัฏ ผดุงรัตน์    พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี  ให้มาตรวจในที่เกิดเหตุ  พบ รถจยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า คลิ๊ก สีขาวดำ ทะเบียน ขจท เพชรบูรณ์ 654  สภาพ พังยับเยินทั้งคัน น่าจะไปชนกับต้นกระถินใหญ่ ในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น คาดว่าน่าจะเสียหลักแหกโค้งและตกลงไปในคลองข้างทาง ส่วนผู้บาดเจ็บกู้ภัยสว่างได้นำตัวไปส่งที่ รพ.สระบุรี ก่อนหน้านี้แล้ว  ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะไม่มีหลักฐานในตัวและที่รถจยย. ผู้บาดเจ็บเป็นชาย อายุน่าจะประมาณ 30-35 ปี  ส่วนรถจยย.ต้องใช้รถยกมาดึงขึ้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถาม นาย ภูริเดช อิมเอิบธรรม อายุ 22 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ ถ.เลียบริมคลองชลประทาน ฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่งคุยกันอยู่หน้าบ้าน เล่าให้ฟังว่า ตนเองได้ยินเสียงรถบิดมาอย่างเต็มที่ พอตนมองไปก็เห็นรถจยย.บิดมาแค่คันเดียว และได้ยินดังโคร้ม  ตนจึงได้รีบเดินมาดู  ตอนแรกตนหาคนเจ็บไม่เจอ เพราะว่ามันมืด จึงได้ตะโกนเรียกว่า พี่ๆ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา  จนมีน้าข้างบ้านเดินมาดูแล้วบอกว่าอยู่ตรงนี้ ตนจึงได้รีบวิ่งมาดูและได้นำคนเจ็บออกมา คนเจ็บมีอาการหมดสติ เป็นผู้ชาย อายุน่าจะประมาณ 30-35 ปี จึงได้รีบโทรแจ้งกู้ภัยสว่างให้มาที่เกิดเหตุ เพื่อจะได้นำตัวผู้บาดเจ็บ ส่งรพ.สระบุรี ต่อไป

ทางด้าน พ.ต.ท.ภัฏ ผดุงรัตน์    พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ได้ตรวจในที่เกิดเหตุเสร็จแล้วได้เดินทางไปดูผู้บาดเจ็บที่ รพ.สระบุรี  แต่ทราบว่า ผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตลงแล้ว เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว  เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบหาญาติของผู้ตายให้มาติดต่อขอรับศพเพื่อไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา และจะสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป/