กระทรวงดิจิทัลฯ แจ้งความมือโพสต์หมิ่น 5 รายช่วงชุมนุม ยันเอาจริงบังคับใช้กฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ
24 ก.ย. 2563, 13:26
วันที่ 24 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เดินทางเข้ายื่นแจ้งความผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่อกองบังคับการ ปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) โดยกล่าวว่า วันนี้ (24ก.ย.2563) ถือเป็นครั้งแรก ที่ประเทศไทย ดำเนินการตามกฎหมายพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับแพลตฟอร์มต่างประเทศอย่างจริงจัง ภายหลังได้มีคำสั่งศาลให้แพลตฟอร์มต่างประเทศปิดลิ้งค์หรือการใช้งานที่ผิดกฎหมาย ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ยื่นไปจำนวน 1,024 รายการ มีการปิดแล้ว แต่ยังไม่ครบทั้งหมด ขณะนี้ เกินกว่ากฎหมายกำหนด ในเวลา 15 วัน จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง คือ Facebook 436 รายการ ,Twitter จำนวน 64 รายการ และ Instragram 1 รายการ ขณะที่วันนี้(24 ก.ย.2563) ทางกระทรวงฯ ได้ให้เจ้าหน้าที่ทีมกฎหมาย รวบรวมการกระทำผิดทางออนไลน์ชุดใหม่ อีก 3,097 รายการ ประกอบด้วย Facebook 1,748 รายการ YouTyube 607 รายการ Twitter 261 รายการ และเว็บอื่นๆ 481 รายการ (ประกอบด้วย การหมิ่นสถาบัน,ลามก,การพนัน,ยาเสพติดและลิขสิทธิ์) มามอบให้ทาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายเอาผิดกับเจ้าของแพลตฟอร์ม ตั้งแต่บริษัทแม่ และส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป ซึ่งโทษทางกฎหมาย เป็นการปรับไม่เกิน 200,000 บาท และปรับวันละ 5,000 บาท
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง คือ จากการชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีการกระทำความผิดทางโซเชียลมีเดีย ที่พาดพิงหมิ่นสถาบันหลักของประเทศ ยุยง ปลุกปั่น ทำให้เกิดความเสียหายต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พบมีผู้กระทำความผิด กว่า 1,000 รายการ แต่ในจำนวน 5 รายที่แจ้งความเอาผิดนั้น ซึ่ง 3 รายอยู่ใน Facebook อีก 2 รายเป็น Twitter โดย 3 รายนั้นถือเป็นแกนนำผู้ชุมนุม และเป็นคนนำข้อมูลที่ผิดกฎหมาย เข้าระบบคอมพิวเตอร์คนแรกเท่านั้น
นายพุทธิพงษ์ ยืนยันว่า กระทรวงฯ เคารพสิทธิของประชาชน และทำตามกฎหมาย ตามหลักกระบวนการยุติธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติ และไม่ได้ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ขอให้ประชาชนใช้โซเชียลมีเดีย อย่างเป็นประโยชน์และสร้างสรร เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข ไม่ทำให้เกิดความเสียหาย หากใครกระทำความผิด ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายทันที