"นายกฯ" ย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญ เทคโนโลยี-นวัตกรรมขับเคลื่อนไทย พร้อดูแลปชช.ทุกกลุ่ม
29 ก.ย. 2563, 11:43
วันนี้ (29 ก.ย. 63) ณ บริเวณด้านหน้าตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี มอบหนังสือมีค่าให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาร และห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศ เนื่องในโอกาสครบ 120 ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งหนังสือมีค่าเหล่านี้จะได้นำไปบริจาคให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาร และห้องสมุดประชาชน ของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรีได้ร่วมพูดคุยกับเด็กนักเรียนจากโรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดนถึงความสำคัญของการอ่านว่า “หนังสือ” เป็นสิ่งมีชีวิต การอ่านจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการหาประสบการณ์ เพราะเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้และประสบการณ์ของผู้เขียนไปให้ผู้อ่าน ช่วยสร้างแรงบันดาลแตกต่างจากการข้อมูลในโลกออนไลน์ หนังสือทุกประเภทมีความสำคัญทั้งวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และความรู้รอบตัว ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการศึกษาด้วย โดยชุดหนังสือ ที่นายกรัฐมนตรีร่วมมอบให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ได้แก่ ผจญภัยในอวกาศ What? & Why ? วิทยาศาสตร์น่าทึ่ง 100 เรื่อง เรียน รู้ ก่อนโต ประวัติศาสตร์ และชุดทดสอบ (Quiz)วิทยาศาสตร์ ฉลาดรู้ เป็นต้น
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เยี่ยมชมตัวอย่างรถโดยสารจาก “การพัฒนาต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้า โครงการพัฒนารถโดยสารไฟฟ้าจากรถโดยสารประจำทางใช้แล้วของ ขสมก. (City transit E-buses)” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และภาคเอกชน 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท พานทอง กลการ จำกัด บริษัท โชคนำชัย-ไฮเทคเพลสซิ่ง จำกัด บริษัท รถไฟฟ้า ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท สบายมอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยพัฒนารถประจำทางที่หมดอายุการใช้งานมาดัดแปลง เป็นรถโดยสารไฟฟ้าต้นแบบ ขนาด 12 เมตร จำนวน 4 คัน มีความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบการใช้งานจริง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชม การพัฒนารถโดยสารไฟฟ้าจากรถโดยสาร ขสมก. ที่สามารถใช้ชิ้นส่วนอุตสาหกรรมภายในประเทศเกือบทั้งหมดช่วยสนับสนุนระบบ Supply Chain สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งรถโดยสารสาธารณะและรถโดยสารส่วนตัว นายกรัฐมนตรียังได้แนะนำการปรับปรุงระบบเครื่องยนต์ให้สามารถรองรับน้ำมันมาตรฐานยุโรป ยูโร 5 และยูโร 6 ระบบการซ่อมบำรุง และชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องยนต์ หากในอนาคตสามารถพัฒนารถโดยสารทั้งหมดเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าได้ก็จะจัดหางบประมาณเพื่อจัดซื้อ จัดจ้าง เพื่อให้ประชาชนได้ใช้เป็นประโยชน์
นายกรัฐมนตรียังกล่าวในช่วงท้ายเปรียบเทียบการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี ประเทศไทยก็เช่นเดียวกันอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน มีความก้าวหน้าในหลายด้าน รัฐบาลให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมๆไปกับการดูแลประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการเดินหน้าประเทศร่วมกัน