เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 2 ต.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เริ่มเดินทางเข้าสู่ จ.บึงกาฬ เพื่อจับจองมองหาที่นั่งอันเหมาะเจาะ จะได้”จ้อง”มองหาลูกไฟสีแดงอมชมพู สิ่งมหัศจรรย์ในวันออกพรรษาของทุกปีหรือที่รู้กันในนามว่า “บั้งไฟพญานาค” ที่เกิดขึ้นในคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งทำให้การจราจรบนถนนสายบึงกาฬ – ปากคาด เริ่มมีรถยนต์หลั่งไหลไปรอชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่เกิดขึ้นบริเวณวัดอาฮงศิลาวาส ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ และบริเวณลานพญานาค ต.ปากคาด  ยาวไปจนถึงบ้านนากั้ง ต.นากั้ง ในอำเภอปากคาด ระยะทางยาวหลายกิโลเมตร  มีประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาจับจองพื้นที่ ปูเสื่อ กางเต็นท์ นำข้าวปลาอาหารพาบุตรหลานญาติพี่น้องมาร่วมวงรับประทานอาหารเย็น หรือที่คนอีสานเรียกว่า “กินข้าวป่า” ร่วมกัน เพื่อเตรียมตัวตั้งตารอชมบั้งไฟพญานาค ทั้ง 3 จุด โดยเฉพาะที่วัดอาฮงศิลาวาส ซึ่งจุดนี้เองที่ประชาชนรู้จักกันดี ในนามสะดือแม่น้ำโขง หรือจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง 200 เมตร แต่จุดที่วัดอาฮงศิลาวาสนี้ผ่านมาหลายปีมีบั้งไฟพญานาคผุดขึ้นมาจากแม่น้ำโขงน้องมากอาจจะมีแค่ 1-5 ลูกแต่บางปีนักท่องเที่ยวที่มาตั้งตารอคอยต่างก็ผิดหวังไม่ได้เห็นแม้แต่ลูกเดียว แต่ถึงกระนั้น ก็ดีใจที่ได้มาร่วมทำบุญที่วัดแห่งนี้ในวันออกพรรษา

 

อีกจุดหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวนิยมไปดูบั้งไฟพญานาคทุกปีและไม่เคยผิดหวังเลยคือที่ริมแม่น้ำโขงบ้านท่าสีไค หมู่ที่1 และบ้านท่าสีไคเหนือ หมู่ที่ 11  ต.ดงบัง อ.บึงโขงหลง ซึ่งในปี 62 ผ่านมาก็มีบั้งไฟพญานาคผุดขึ้นมาจากแม่น้ำโขงให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นบุญตาจำนวน 21 บั้ง และปีนี้ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวมาตั้งตารอชมกว่า 12,000 คน ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก จะมีเงินสะพัดหลายล้านบาท ส่งผลให้เศรษฐกิจในชุมชนคึกคักเป็นพิเศษ พ่อค้าแม่ขายได้ขายสินค้าอาหารการกินดีเป็นเทน้ำเทท่า เนื่องจากอากาศก็เย็นสบาย ท้องฟ้ามืดมิดนิดหน่อย แต่คาดว่าฝนคงไม่ตกมาในช่วงนี้แน่นอน