ปภ.เผย เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 5 จังหวัด เร่งประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน
6 ต.ค. 2563, 12:04
6 ต.ค. 63 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดสถานการณ์น้ำไหลหลากในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา นครนายก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และปราจีนบุรี รวม 11 อำเภอ 19 ตำบล 31 หมู่บ้าน ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำท่วมขัง พร้อมสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 3 - 5 ตุลาคม 2563 เกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำไหลหลากในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา นครนายก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และปราจีนบุรี รวม 11 อำเภอ 19 ตำบล 31 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (อุตรดิตถ์)
โดยนครราชสีมา เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสีคิ้ว อำเภอปักธงชัย อำเภอขามทะเลสอ อำเภอสูงเนิน และอำเภอเมืองนครราชสีมา รวม 8 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 32 ครัวเรือน ถนน 3 สาย และพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ที่อำเภอเมืองนครราชสีมา ระดับน้ำลดลง
นครนายก เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากพลี และอำเภอองครักษ์ รวม 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 72 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
อุตรดิตถ์ เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอท่าปลา รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
กำแพงเพชร น้ำไหลหลากเข้าพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกำแพงเพชร และอำเภอโกสัมพีนคร รวม 6 ตำบล 16 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
ปราจีนบุรี ฝนตกหนักทำให้น้ำล้นคันกันน้ำคลองประจันตคาม อำเภอประจันตคาม รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด พร้อมด้วยหน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้จัดเจ้าหน้าที่ พร้อมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัยเครื่องสูบน้ำ และยานพาหนะให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงและเร่งระบายน้ำท่วมขังรวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทาง สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป