วันที่ 9 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เวลา 15.30 น. พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จว.ฯ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรงค์ นาคทั่ง รอง ผบก.ภ.ฯ พ.ต.อ.กิตติพงศ์ พันธ์ศรี ผกก.สภ.นาหว้า และ พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิทธิโชติ ผกก.สส.ภ.จว.นครพนม โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาหว้า, สภ.โพนสวรรค์ สืบสวนจังหวัดฯ, สืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ขอนแก่น บูรณาการติดตามจับกุมตัว นายปัญญา โกมลศรี หรือเล็ก อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 126 หมู่ 1 ต.หนองลาด อ.เมือง จ.สกลนคร บุคคลตามหมายจับที่ จ.105/2563 และ น.ส. เมย์ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี บ้านเลขที่ 81 หมู่ 9 ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร ตามหมายจับที่ จ.5/2563 ในข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์ฯ กักขังหน่วงเหนี่ยว เหตุเกิดหน้าบ้านไม่มีเลขที่ บ้านห้วยไห ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา

กล่าวคือตามวันดังกล่าวนายเล็กและ น.ส.เมย์ ได้พาตัว น.ส.สุมลทิพย์ ตุ่นกลิ่น หรือน้องกิ๊ฟ ไปจากบ้านไม่มีเลขที่ บ้านห้วยไห ต.บ้านค้อ แล้วนำตัวกักขังไว้ที่กระท่อมบ้านโนนห้วยแคน ด้วยการล่ามโซ่มือและเท้า พร้อมร่วมกันรุมกระทืบน้องกิ๊ฟ ก่อนจะถ่ายรูปในขณะถูกทรมานส่งให้ญาติฝ่ายหญิงดู จากนั้นก็ได้พาไปกักขังต่อที่บ้านเช่าบ้านนาพระ เขต อ.นาหว้า โดยล่ามโซ่เช่นเดียวกัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่าจนนายเล็กทนแรงกดดันไม่ไหว จึงพาตัวน้องกิ๊ฟมาส่งบ้านญาติในพื้นที่ บ้านหนองปลาดุก ต.หนองลาด อ.เมือง จ.สกลนคร แล้วได้หลบหนีไปต่อ
 

 

จากนั้นตำรวจชุดสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่บ้านบะหว้า หมู่ 7 ต.ท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม โดยอาศัยอยู่ในกระท่อมกลางนา เบื้องต้นพบว่าเป็นกระท่อมนาหลังเดียวโดดๆ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร ไม่มีบ้านข้างเคียงเป็นทุ่งนาและป่าสลับกัน และไม่มีทางเข้าต้องลุยโคลนเข้าไป ชุดสืบสวนจึงใช้วิธีปลอมตัวเป็นชาวนาเข้าไปต้นข้าว จนทราบแน่ชัดว่า นายเล็กกับ น.ส.เมย์ หลบซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมนั้นจริง จึงอาศัยที่ทั้งสองนอนหลับเข้าจู่โจมจับกุมตัวได้ และตรวจค้นพบยาบ้าอีก 186 เม็ด จึงแจ้งข้อหาทั้งสองว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายอีกหนึ่งกระทง

นายเล็กอ้างว่าภาพล่ามโซ่น้องกิ๊ฟนั้นเป็นภาพเก่า ส่วนที่ถูกกล้อนผมก็เพราะน้องกิ๊ฟตัดผมตัวเองตนไม่เกี่ยว เมื่อผู้สื่อข่าวถือว่าแล้วบาดแผลบนศีรษะน้องกิ๊ฟใครเป็นคนทำนายเล็กบอกไม่รู้ ซึ่งชุดจับกุมเปิดเผยว่าการที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นภาพเก่านั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะตรวจค้นกระท่อมพบทั้งโซ่และเชือกที่ล่ามน้องกิ๊ฟ จึงนำมาเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 

นอกจากนี้ยังสืบทราบว่ามี "เจ๊ลอ” เจ้าของร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งเป็นลูกพี่ คอยส่งข่าวให้นายเล็กหลบหนี ระหว่างพื้นที่จังหวัดสกลนครและนครพนม และกระท่อมดังกล่าวก็เป็นของเจ๊ลอ หลังนายเล็กนำตัวน้องกิ๊ฟหลบหนีไปที่อื่น เจ๊ลอก็ส่งคนเข้าไปทำลายหลักฐานต่างๆ ในกระท่อมนั้น ซึ่งตำรวจจะสอบสวนปากคำนายเล็กผู้ต้องหาว่าในขบวนการค้ายาเสพติดมีคนในพื้นที่ร่วมทั้งหมดกี่คน