จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ประกอบด้วย กองปราบปราม,สืบตำรวจภูธรภาค 4 ขอนแก่น(บช.ภ.4),สืบตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม,สืบฯสภ.นาหว้า สืบฯสภ.โพนสวรรค์,สืบตำรวจจังหวัดสกลนคร บูรณาการร่วมกันจับกุมตัว นายปัญญา โกมลศรี หรือเล็กอายุ 38 ปี บุคคลตามหมายจับที่ จ.105/2563 และ น.ส.เมย์นามสมมุติ) อายุ 17 ปี  ตามหมายจับที่ จ.5/2563  ในข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์ฯ หน่วงเหนี่ยวกักขังฯ เหตุเกิดหน้าบ้านไม่มีเลขที่ บ้านห้วยไห ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา

โดยสามารถจับกุมได้ในพื้นที่บ้านบะหว้า หมู่ 7 ต.ท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม โดยทั้งคู่อาศัยอยู่ในกระท่อมกลางนาหลังเดียวโดดๆ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร ไม่มีบ้านข้างเคียงเป็นทุ่งนาและป่าสลับกัน และไม่มีทางเข้าต้องลุยโคลนเข้าไป ชุดสืบสวนจึงใช้วิธีปลอมตัวเป็นชาวนาเข้าไปดูต้นข้าว จนแน่ชัดว่านายเล็กกับ น.ส.เมย์หลบซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมนั้นจริง จึงอาศัยที่ทั้งสองนอนหลับเข้าจู่โจมจับกุมตัวได้ และตรวจค้นพบยาบ้าอีก 186 เม็ด จึงนำตัวทั้งคู่ไปสอบสวนที่ สภ.นาหว้า ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

โดยบนายเล็กตอบคำถามสื่ลมวลชนว่า ภาพล่ามโซ่น้องกิ๊ฟและเปลือยท่อนล่างนั้นเป็นภาพเก่าที่ถ่ายหยอกเล่นกัน ส่วนที่น้องกิ๊ฟถูกกล้อนผมก็เพราะเขาตัดผมตัวเอง  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วบาดแผลบนศีรษะน้องกิ๊ฟใครเป็นคนทำนายเล็กบอกไม่รู้ ซึ่งภายหลังได้สารภาพกับพนักงานสอบสวนว่า ภาพล่ามโซ่เป็นภาพใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังฉุดตัวน้องกิ๊ฟมาไว้ในกระท่อมหลังหนึ่งของเจ๊ลอ เจ้าของร้านคาราโอเกะในอำเภอนาหว้า ที่เป็นลูกพี่ใหญ่ของตน

ในช่วงหนึ่งระหว่างที่นายเล็กให้การต่อหน้า พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม ว่า ตนเองมีหมายจับค้างเก่าคือเมาแล้วขับของ สภ.นาหว้า จึงอยากจะหาที่หลบซ่อนตัว จึงได้ส่งน้องกิ๊ฟไปขอเจรจากับบุคคลที่อ้างเป็นตำรวจประจำ สภ.หนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร โดยติดสินบนให้เดือนละ 5,000 บาท แต่กลับเป็นว่าชายที่อ้างเป็นตำรวจได้จับตัวน้องกิ๊ฟไปไว้ที่เซฟเฮ้าส์เพื่อเรียกค่าไถ่จากตน และหลังตกเป็นข่าวโด่งดังตนกับ น.ส.เมย์ ได้พาตัวน้องกิ๊ฟมาทิ้งไว้ที่บ้านหนองปลาดุก หมู่ 9 ต.หนองลาด อ.เมือง จ.สกลนคร ก่อนจะพากันหลบหนีไปอาศัยอยู่บ้านเพื่อน และบ้านคนที่ตนเคยให้ความช่วยเหลือ ระหว่างจังหวัดสกลนครและนครพนม

สำหรับกระท่อมที่จับตัวน้องกิ๊ฟไปล่ามโซ่เป็นของเจ๊ลอลูกพี่ใหญ่ อยู่บ้านนาพระ ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม และเมื่อมีตำรวจตามไล่ล่าเจ๊ลอสั่งให้นายเล็กนำตัวน้องกิ๊ฟไปคืนญาติ โดยเจ๊ลอจะให้การช่วยเหลือแทบทุกอย่าง เช่น ซื้อซิมมือถือให้นายเล็กใหม่ จัดหายานพาหนะ น้ำและอาหาร เป็นต้น โดยมีเกลือเป็นหนอนแถวๆโรงพักนาหว้าฉายา”นายร้อยห้าสิบสาม” ทำหน้าที่ส่งข่าวให้เจ๊ลออีกทอด เพราะนายร้อยห้าสิบสามคนนี้ จะรู้ความเคลื่อนไหวของตำรวจชุดสืบสวนตลอด

ล่าสุด วันที่ 10 ตุลาคม 2563 พนักงานสอบสวน สภ.นาหว้า จะนำตัวนายเล็กส่งฟ้องศาลจังหวัดนครพนม ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำนวน 186 เม็ด ส่วน น.ส.เมย์จะแยกส่งฟ้องในข้อหาเดียวกันที่ศาลเยาวชนฯ และมีฉี่สีม่วงด้วย ส่วนนายเล็กไม่พบเป็นฉี่สีม่วง

โดยศาลฯจะพิจารณาว่าจะนำคดีเก่ามาพิจารณาด้วยหรือไม่ จากนั้นจึงจะส่งตัวนายเล็กและ น.ส.เมย์ไปยัง สภ.โพนสวรรค์ เพื่อดำเนินคดีอีก 4 ข้อหา 1.ฐานความผิด ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2. ร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด 3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น และ 4.ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร