เมื่อวันที่ 11  ต.ค. 63  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ปราสาทหินหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พระอาจารย์เทียนชัย  ชัยทีโป เจ้าอาวาสวัดเทพสรธรรมาราม (บาย ตึ๊ก เจีย) ตำบลบางใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ได้นำ นางพรทิวา  นาคาศัย  อดีต รมว.พาณิชย์ และนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ นางชไมมาศ  ชาติเมธากุล ประธานบริษัท  สุขภัณฑ์คริสติน่า (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย ดารานักแสดง  ประกอบด้วยยุ้ย  จีรนันท์  มะโนแจ่ม, ธันน์  ธันน์  ธนากร,น้องเอี๊ยม  วรรษภร และคณะ ได้ขึ้นไปกราบไหว้สรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่สรวง ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ พร้อมทั้งถวายกองกฐินแด่หลวงปู่สรวง จากนั้น คณะดารานักแสดงชื่อดังได้ขึ้นโชว์มินิคอนเสริต์ให้ประชาชนที่พากันมารอบชมจำนวนมากได้ชมกันอย่างสนุกสนาน ซึ่ง ในโอกาสเดียวกันนี้ นางพรทิวา  นาคาศัย และนางชไมมาศ  ชาติเมธากุล ได้มอบเงินทุนการศึกษา จำนวน 100,000 บาท ให้กับนักศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในระหว่างเรียนหนังสืออีกด้วย  ต่อมา พระอาจารย์เทียนชัย  ชัยทีโป ได้นำคณะพุทธศาสนิกชนชาว จ.ศรีสะเกษ  และชาวไทยจากทั่วประเทศ จำนวนมากที่เป็นศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน พระสรงผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวไทยและชาวกัมพูชา ประกอบพิธีแห่กองกฐินประกอบด้วยต้นเงินและองค์กฐินเป็นขบวนใหญ่มาก เดินรอบรอบพระอุโบสถของวัดไพรพัฒนา จำนวน 3 รอบ โดยมีคณะกลองยาวของอาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษรำหน้าขบวน  บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมาก จากนั้น ได้นำกองกฐินไปประกอบพิธีทอดกฐินสามัคคีถวายแด่ พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา  เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์(ธ) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา โดยมียอดเงินจากการทอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้ เบื้องต้น จำนวน  1,624,699 บาท ยังไม่รวมกับต้นเงินและเงินที่มีผู้ใจบุญจากทั่วประเทศร่วมบริจาคสมทบทำบุญทอดกฐินครั้งนี้อีกจำนวนมาก

พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ  วายาโม  ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา  เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา กล่าวว่า อาตมาภาพต้องขอเจริญพรขอบคุณผู้ใจบุญทุกท่านที่ได้มาร่วมกันทอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้  ซึ่งการจัดทอดกฐินสามัคคีเพื่อเป็นการหารายได้สมทบทุนสร้างอาคารเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา จำนวน 2 หลัง  ซึ่งจะต้องใช้เงินในการก่อสร้าง จำนวนทั้งสิ้น 14 ล้านบาท  เพื่อให้นักศึกษาของวิทยาลัยได้มีสถานที่เรียนอย่างเพียงพอ โดยขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้าง

ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนด้านการศึกษาให้เด็กที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาให้มีสถานที่เรียนวิชาชีพ โดยไม่ต้องเดินทางห่างไกลจากพ่อแม่เพื่อไปเรียนหนังสือ จึ