"ทหารเมียนมาร์" กว่า 30 นาย แบกอาวุธเข้าตรึงกำลังชายแดน ผู้ประกอบการค้าฝั่งไทยเดือดร้อนหนัก !
14 ต.ค. 2563, 07:41
วันนี้ 14 ต.ค. 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (กองกำลังสุรสีห์) ได้รับรายงานว่า ทหารเมียนมาพร้อมอาวุธครบมือกว่า 30 นาย ตรึงกำลังบริเวณชายแดน ชองทาง ซ.เกษตร 9 จึงได้รายงาน พลตรี.บรรยง ทองน่วม ผบ.กองพลทหารราบที่ 9 ทราบ พร้อมได้สั่งการให้ พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง.ผบ.หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต่อมาในเวลา 13.00 น. นายปกรณ์ กรรณวัลลี นอภ.สังขละบุรี พร้อมด้วย พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง.ผบ.ฉก.ลาดหญ้า พ.ต.อ.นันทเศรษฐ์ สุขนพกิจ ผกก.สภ.สังขละบุรี ร.ต.อ.โชคชัย แต่เจริญ รอง.สวป.ตม.กาญจนบุรี และ ร.ต.พรชัย ใครหอม หน.หน่วยประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา ประจำพื้นที่ 4
ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายเมียนมา ซึ่งนำโดย พ.ต.อ่าวเยซัน รรก.ผบ.พัน.ร..32 บริเวณ หน้าด่านชายแดนจุดผ่อนปรนชั่วคราว ช่องทางด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งทางฝ่ายไทยได้ขอทราบเหตุผลที่ทางเมียนมานำกำลัง ไปตรึงบริเวณช่องทาง ซ.เกษตร 9 โดยฝ่ายเมียนมาได้ให้เหตุผลของการว่าที่ผ่านมา ผู้ประกอบการร้านค้าชาวเมียนมา ซึ่งเปิดเป็นร้ายขายเหล้า บุหรี่และกล้วยมา ได้มาร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากฝ่ายไทยได้นำลวดหนามไปปิดกันบริเวณดังกล่าวไม่ให้นักท่องเที่ยวเที่ยวชาวไทยเข้าไปซื้อของ ทำให้ไม่มีรายได้
แต่ขณะที่ผู้ประกอบการชาวไทยในบริเวณดังกล่าวกลับมาเปิดร้านค้า ขายสินค้าได้ตามปกติ ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการชาวเมียนมา จึงอยากให้ทางการไทยดำเนินการปิดร้านค้าบริเวณรอบๆ ด้านเจดีย์สามองค์ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ซี่งในเวลาต่อมาฝ่ายไทยโดยนายปกรณ์ กรรณวัลลี รับปากจะดำเนินการปิดร้านค้าทั้งหมดให้ภายในวันรุ่งนี้ ( 14 ต.ค.) ทำให้ฝ่ายเมียนมาพอใจผลของการหารือ
ต่อมาจึงได้มีการสั่งถอนกำลังทหารเมียนมา ทั้ง 30 นายกลับที่ตั้ง ขณะที่ผู้ประกอบการกว่า 30 คน ที่เฝ้าสังเกตการณ์ การเจรจาบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ ต่างแสดงความไม่พอใจเมื่อรู้ผลการเจรจา พร้อมตั้งคำถามว่าทำไม่ฝ่ายเราต้องยอมปิดร้านค้า และทำตามข้อเรียกร้องของฝ่ายเมียนมา ทั้งๆที่ร้านค้าตั้งอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการต่างได้รับความเดือดร้อนมาตลอด ติดต่อกันมานานหลายเดือน ไม่เห็นมีหน่วยงานไหนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
ตอนเกิดเหตุการณ์โควิตระบาดในไทยผู้ประกอบการไทยต้องปิดร้านค้า แต่ร้านขายเหล้าบุหรี่ และร้านกล้วยไม้ ซึ่งอ้างว่าตั้งอยู่ในประเทศเมียนมา กลับขายสินค้าให้คนไทยได้อย่างสบายไม่เห็นมีหน่วยงานไหนไปสั่งปิด
ที่สำคัญทุกวันนี้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระค่าเช่าที่ ที่ต้องขายของเพราะไม่มีรายได้ทางอื่น แม้ทุกวันนี้จะขายได้วันละ 200-300 ก็ต้องยอม เพื่อหาเงินให้ลูกไปโรงเรียน ถ้าโดนสั่งปิดถือว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ภาระค่าใช้จ่ายใครจะมาช่วยเหลือ
ในเวลาต่อมา นายปกรณ์ กรรณวัลลี นอภ.สังขละบุรี ได้เชิญผู้ประกอบการร้านค้าบริเวณด่านเจดีย์ทั้งหมด มาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยเสนอว่าในระหว่างนี้ อาจจะขอใช้พื้นที่เกาะกลางถนน บริเวณก่อนถึงเจดีย์สามองค์ให้ผู้ประกอบการใช้เป็นที่ขายของชั่วคราว เพื่อลดความเดือดร้อน ซึ่งผู้ประกอบการบางส่วนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าคงไม่สะดวกเพราะสินค้าส่วนใหญ่เป็นเฟอร์เจอร์ไม้ เครื่องประดับ อัญมณี การที่จะนำมาขายในเต้นท์ กลางถนนผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระในการขนย้าย ความปลอดภัย รวมทั้งการเก็บรักษา หากเป็นไปได้อยากขายในสถานที่เดิมมากกว่า เพราะมีความปลอดภัยในการเก็บรักษาสินค้า..ซึ่งพวกตนไม่เข้าใจทำไม เราต้องทำตามความต้องการของเมียนมา