วันที่ 16 ต.ค. 63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานข่าว เมื่อเวลา 14.15 น. ร.ต.อ.ศักดิ์ชาย รักศรี รองสารวัตรสอบสวน สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตริมถนนในหมู่บ้านบาโย ม.8 ต.บาโงสะโต จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.วรงค์ เกิดสวัสดิ์ ผกก.สภ.ระแงะ พ.อ.ธนาทิป ทองเชี่ยว ผบ.ฉก.ทพ.45 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร เจ้าหน้าที่กู้ชีพองค์การบริหารส่วนตำบลบาโงสะโตจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ 

พบศพผู้เสียชีวิตเป็นเพศชายสวมเสื้อเชิ้ตลายขวางสีน้ำตาล นุ่งกางเกงขายาวสีกรมท่า นอนจมกองเลือดในลักษณะขาข้างขวายังคร่อมรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า สีแดงดำ ทะเบียนป้ายแดง ก 22549 นราธิวาส โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม. ที่บริเวณศีรษะ ทราบชื่อต่อมา คือ ร.ต.เกษมสันต์ หรับจันทร์ อายุ 60 ปี อดีต ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 4516 กรมทหารพรานที่ 45 ซึ่งเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 63 ที่ผ่านมา ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพก ขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่บนถนนจำนวน 2 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะมอบศพผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเมตตาธรรม ส่งโรงพยาบาลระแงะ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะมอบให้ญาติรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา

 

จากการสอบสวนทราบว่า หลังจากที่ ร.ต.เกษมสันต์ ผู้เสียชีวิตเกษียณอายุราชการ ไม่ได้กลับไปอาศัยที่บ้านพักในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เนื่องจากไม่มีภรรยาและครอบครัว แต่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านของ นายซัมซูดิง กำนัน ต.บาโงสะโต ที่รักและสนิทกันเหมือนเครือญาติ ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ร.ต.เกษมสันต์ได้ขี่รถ จยย. ออกจากบ้านพักของกำนันเพื่อเดินทางไปละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้าน เมื่อแล้วเสร็จได้ขี่รถ จยย. เพื่อกลับบ้านของกำนัน ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถ จยย.ตามประกบไล่หลังมา เมื่อสบโอกาสคนร้ายได้ขี่รถ จยย.เข้าประชิด ให้คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายใช้อาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม. ออกมาจ่อยิงที่ศีรษะ จำนวน 2 นัดซ้อน เมื่อถูกกระสุนปืนรถได้เสียหลักพลิกคว่ำริมถนนและเสียชีวิตคาที่ ก่อนที่คนร้ายจะรีบขี่รถ จยย.หลบหนี

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานในเบื้องต้น เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี แต่ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนสิบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป