"ปลัดจังหวัดระนอง" รับคำร้องเรียน ลงพื้นที่ตรวจสอบ ถนน 4 เลน สายชุมพร-ระนอง
22 ก.ค. 2562, 17:25
วันที่ 22 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานความคืบหน้ากรณีผู้รับเหมาสร้างถนน 4 เลน สายชุมพร-ระนอง ชุ่ยสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านและผู้ใช้เส้นทางมานานนับปี จนเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ช่วงฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ทั้งในเขตอำเภอเมืองระนอง อำเภอละอุ่น และอำเภอกระบุรี จนเกิดน้ำท่วมพื้นผิวถนนในหลายจุดเส้นถนนเพชรเกษมรอยต่อระนอง-ชุมพร และมีดินเลื่อนไหลจากภูเขาริมถนนทับเส้นทาง ทำให้เกิดปัญหารถติดเป็นแถวยาวในหลายจุด
ล่าสุด นายชาตรี จันทร์วีระชัย ปลัดจังหวัดระนอง หลังได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนและผลกระทบของชาวบ้าน จากตัวแทนกลุ่มผู้นำชุมชน นักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้านจากหลายพื้นที่ ที่ต้องใช้เส้นทางที่กำลังขยายถนนจาก 2 การจราจรเป็น 4 ช่องทางการจราจร บนถนนสายเพชรเกษม ระนอง-ชุมพร จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมด้วย ตัวแทนกลุ่มผู้นำชุมชน นักการเมืองท้องถิ่น
นายชาตรี จันทร์วีระชัย ปลัดจังหวัดระนอง กล่าวว่า ตามที่ได้รับคำร้องเรียนเรื่องความเดือดร้อนคือ ในการก่อสร้างผู้รับเหมาก่อสร้างถนน ทั้งใน 3 อำเภอ ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ข้างทางรวมไปถึงผู้ใช้รถใช้ถนนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องใช้เส้นทางสายหลักในการสัญจร ต่างก็ได้รับความเดือดร้อน จากการไม่ใส่ใจของผู้รับเหมา ที่ทำงานแบบขอไปที เพื่อจะได้รับงานใหม่ ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ หลาย ๆ จุดขุดถนนมีความเสี่ยงจนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งจากเดิมที่หลายๆ จุดไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ และเมื่อเกิดฝนตกหนักก็จะเกิดน้ำท่วมขังทำการจราจรติดยาว สัญญาณไฟในจุดตัดข้ามถนนหรือจุดเสี่ยงก็ไม่มี รวมถึง ความล่าช้าในการก่อสร้าง ซึ่งหลายๆ จุดไม่เสร็จตามสัญญาจ้าง แต่หน่วยงานรัฐเจ้าของโครงการไม่เคยสนใจที่จะทักท้วงผู้รับเหมาแต่อย่างใด แม้ว่าจะเกิดการกระทำผิด ซึ่งปัญหาดังกล่าวทางจังหวัดระนองก่อนหน้านี้ได้เชิญทั้งหน่วยงานราชการผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาภาคเอกชนมาทำการพูดคุย แต่วันนี้ก็ยังได้รับการร้องเรียนถึงสภาพปัญหาในการก่อสร้างถนนที่ผู้รับเหมาทำแบบไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน หลังจากนี้จะนำข้อมูลปัญหาข้อเรียกร้อง ความเดือนร้อนของประชาชนทั้งหมด นำเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เพื่อเชิญหน่วยงานผู้ว่าจ้างคือแขวงการทางจังหวัดระนองและผู้รับเหมาเอกชนในแต่ละจุดมาทำการสอบถามพูดคุยเพื่อหาทางแก้ไข้ปัญหาให้กับประชาชน และหากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนไม่มีการแก้ไขทางจังหวัดคงต้องมีการดำเนินการในขั้นเด็ดขาดในลำดับต่อไป