เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 63 ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานว่า นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายจำนง สวัสดิ์วงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และเจ้าหน้าศูนย์ ปภ.เขต 11 เดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.เวียงสระ และ อ.เคียนซา โดยจุดที่ 1 นายสมชาย สมวงศ์ ปลัดอาวุโส อ.เวียงสระ พร้อมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสาขาพระแสง , นายกเทศมนตรีตำบลทุ่งหลวง และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งนายสมชาย รายงานสถานการณ์ว่า ช่วงวันที่14 - 19 ต.ค.63 พื้นที่หมู่ที่ 3,6 ต.ทุ่งหลวง อ.เวียงสระ ติดแม่น้ำตาปี ระดับน้ำได้ล้นตลิ่งท่วมที่ราบลุ่มถนนในหมู่บ้าน มีราษฎรได้รับผลกระทบเล็กน้อย ขณะนี้ระดับน้ำลดลง คาดว่า 1-2 วัน จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

 

ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางจุดที่ 2 นายธนัย อุปมนต์ ปลัดอาวุโส อ.เคียนซา พร้อมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสาขาพระแสง นายก อบต.พ่วงพรมคร และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับ ซึ่งนายธนัย รายงานว่าช่วงวันที่ 14-19 ต.ค.63 พื้นที่หมู่ที่ 5 ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา ระดับน้ำในแม่น้ำตาปี เริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ราบลุ่ม ได้สั่งการให้ทุกท้องถิ่นจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ เรือ พร้อมให้ช่วยเหลือราษฎรตลอดเวลา โดยชาวบ้านในพื้นที่ ม.5 ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ฯ เริ่มขนของขึ้นที่สูง หลังมวลน้ำในแม่น้ำตาปี ที่ไหลมาจากอำเภอพระแสง เพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวประมาณ 10-20 ครัวเรือน ต้องเตรียมความพร้อมของตัวเอง ในการรักษาทรัพย์สินไม่ให้ถูกน้ำท่วม บางรายถึงกับต้องเช่าบ้านด้านนอกเพื่อเก็บทรัพย์สินเป็นการชั่วคาว

โดยนายธนากร วรรณฤทธิ์ อายุ41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/3 ม5 ต.พ่วงพรหมคร อ.เคียนซา บอกว่าน้ำเริ่มเข้าพื้นที่มาตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่เพิ่มระดับไม่เร็วเหมือนที่ท่วมหลังสุดตอนปี 60 รอบนี้มวลน้ำขยับตัวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สามารถขนของหนีน้ำได้เรื่อยๆ ประกอบกับฝนทิ้งช่วงให้ทำให้ไม่น่ากังวลเท่าไร แต่ก็เตรียมความพร้อม เพื่อความไม่ประมาท

ถือเป็นอีกหนึ่งในหลายจุดของ อ.เคียนซา อ.บ้านนาสาร อ.เวียงสระ ที่ต้องรองรับน้ำจากอำเภอพระแรงอีกระยะ ทำให้พื้นที่ลุ่มทำการเกษตรถูกน้ำท่วมขังแล้ว แต่ยังไม่กระทบการสัญจรและบ้านเรือนประชาชนมากนัก ซึ่งชาวบ้านยังต้องติดตามวถานการณ์ต่อไป

 

ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มอบถุงยังชีพให้นายกเทศมนตรี และผู้นำท้องถิ่นนำไปแจกให้ผู้ประสบอุทกภัย และได้สั่งการให้นายอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตาม สถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง และจัดเตรียมศูนย์อพยพ เครื่องมือ อุปกรณ์ เรือ รถ หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถให้การช่วยเหลือได้ทันที นอกจากนี้ให้ประชาสัมพันธ์ กำชับให้ประชาชน นักเรียน หากลงเรือจะต้องสวมเสือชูชีพทุกครั้ง และถ้ามีน้ำไหลข้ามถนนให้ตรวจสอบว่า รถสามารถข้ามได้หรือไม่เพื่อไม่เกิดการสูญเสีย และแจ้งให้ราษฎร ในพื้นที่เสี่ยงภัย ตรวจสอบ อุปกรณ์ ปลั๊กไฟฟ้า ให้อยู่ตำแหน่งที่สูงกว่า ระดับน้ำที่เคยท่วมที่ผ่านมา และตัดแต่ง กิ่ง ต้นไม้ บริเวณรอบๆที่พักอาศัย