ปภ. เผย ! "13 จังหวัด" ยังคงมีน้ำท่วมขัง เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกด้าน
23 ต.ค. 2563, 09:33
วันที่ 23 ต.ค. 63 เวลา 09.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ 34 จังหวัด รวม 131 อำเภอ 488 ตำบล 2,126 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 63,931 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย (จันทบุรี ตรัง และสุราษฎร์ธานี) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี)ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 13 จังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง และสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2563 – ปัจจุบัน (23 ตุลาคม 2563 เวลา 06.00 น.)
มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย รวม 34 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง อุทัยธานี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ราชบุรี นครปฐม ปทุมธานี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล และสงขลา รวม 131 อำเภอ 488 ตำบล 2,126 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 63,931 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย (จันทบุรี ตรัง และสุราษฎร์ธานี) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) แยกเป็น พื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก 32 จังหวัด รวม 118 อำเภอ 471 ตำบล 2,102 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 63,882 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 รายในจังหวัดจันทบุรี ตรัง และสุราษฎร์ธานี
ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 19 จังหวัด ยังคงมีน้ำท่วมขัง 13 จังหวัด ดังนี้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี แม่น้ำมูลเอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี ประชาชนได้รับผลกระทบ 13 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง นครราชสีมา
น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 13 อำเภอ 57 ตำบล 216 หมู่บ้าน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปักธงชัย อำเภอโชคชัย อำเภอสูงเนิน อำเภอโนนสูง อำเภอพิมาย อำเภอปากช่อง อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอด่านขุดทด ระดับน้ำทรงตัว สุรินทร์ น้ำในลำน้ำมูลเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสุรินทร์ อำเภอสังขะ อำเภอพนมดงรัก อำเภอศรีณรงค์ อำเภอลำดวน และอำเภอชุมพลบุรี รวม 14 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 256 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่อำเภอศรีมหาโพธิ และอำเภอกบินทร์บุรี รวม 13 ตำบล 76 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 832 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง สระแก้ว ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสระแก้ว อำเภออรัญประเทศ และอำเภอโคกสูง ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ชลบุรี
น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอพนัสนิคม อำเภอพานทอง และอำเภอเกาะจันทร์รวม 18 ตำบล 83 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 577 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ฉะเชิงเทรา ยังน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแปลงยาว และอำเภอคลองเขื่อน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ภาคใต้ 2 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอพระแสง รวม 6 ตำบล19 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 300 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 ตำบล ระดับน้ำลดลง นครศรีธรรมราช ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอช้างกลางระดับน้ำลดลง
ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ยังคงมีน้ำท่วมขัง ในตำบลสว่างอารมณ์ อำเภอสว่างอารมณ์ รวม 3 ตำบล ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ชัยนาท ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอหันคา และอำเภอเนินมะขาม ปัจจุบันระดับน้ำลดลง นครปฐม น้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกำแพงแสน อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอบางเลน อำเภอดอนตูม อำเภอพุทธมณฑล อำเภอสามพราน และอำเภอนครชัยศรี รวม 70 ตำบล 462 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง สุพรรณบุรี น้ำไหลหลากในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามชุก อำเภอสองพี่น้อง อำเภอหนองหญ้าไช อำเภอดอนเจดีย์ อำเภออู่ทอง อำเภอเดิมบางนางบวช และอำเภอเมืองสุพรรณบุรี รวม 41 ตำบล 277 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,535 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
พื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 5 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท กาญจนบุรี สิงห์บุรี และพังงา รวม 9 อำเภอ 12 ตำบล 21หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 62 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
อยู่ระหว่างการฟื้นฟู พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 4 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ภูเก็ต สตูล และกระบี่ รวม 5 อำเภอ 6 ตำบล 6 หมู่บ้าน
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกติดตั้งเครน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังจุดอพยพ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อการดำรงชีพ
สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้านทั้งการประกอบอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนเร่งซ่อมแซมและฟื้นฟู
สิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว
ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป