ในหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน วัดบูรพารามพระอารามหลวง เฉลิมพระเกียรติ จ.สุรินทร์
24 ต.ค. 2563, 12:33
วันนี้ 24 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบูรพาราม พระอารามหลวงเฉลิมพระเกียรติ ตำบลในเมือง อ. เมือง จ. สุรินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ทอดถวายให้กับพระสงฆ์ที่จำพรรษาถ้วนไตรมาส โดยมีนายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสุรินทร์เข้าร่วม
สำหรับพระกฐินพระราชทาน เป็นพระกฐินที่ถือว่า ผ้าพระกฐิน บริขาร และบริวารกฐิน เป็นของหลวง แต่เปิดโอกาสให้ส่วนราชการ องค์กร หรือบุคคลที่สมควร ขอรับพระราชทานอัญเชิญไปถวายยังพระอารามหลวงต่างๆ ซึ่งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สมาคม บริษัท ห้างร้าน และบุคคลทั่วไป จะต้องยื่นความจำนงขอพระราชทานผ่านไปยังกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม และเมื่อถึงกำหนดกฐินกาลก็ติดต่อขอรับ ผ้าพระกฐินและบริวารพระกฐิน จากกองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา เพื่อนำไปทอด ณ พระอารามที่ขอรับพระราชทานไว้ เมื่อทอดถวายเรียบร้อยแล้ว ผู้ขอรับพระราชทานจะต้องจัดทำบัญชีรายงานถวายพระราชกุศลในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ส่งไปยังกรมการศาสนา เพื่อจะได้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐิน ส่งไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งให้สำนักราชเลขาธิการนำความกราบบังคมทูล พระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายพระราชกุศลในการที่หน่วยงาน องค์กร หรือบุคคลทั่วไป อัญเชิญผ้าพระกฐินไปถวาย ณ พระอารามหลวงนั้นๆ
สำหรับวัดบูรพาราม เป็นวัดที่เก่าแก่สร้างขึ้นสมัยกรุงธนบุรี มีอายุประมาณ 200 ปี เท่าๆ กับอายุของจังหวัดสุรินทร์ โดย "พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์ จางวาง" หรือ (ปุม) เจ้าเมืองสุรินทร์คนแรก ร่วมมือกันสร้างกับชาวบ้าน เมื่อประมาณ พ.ศ.2300 -2310 ซึ่งตั้งชื่อในตอนนั้นว่า วัดบูรพาราม
แรกเริ่มเดิมที วัดนี้เป็นวัดมหานิกาย แต่ต่อมาใน ปี พ.ศ.2476 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโสอ้วน) ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑล ได้อนุมัติให้วัดบูรพารามเป็นวัดในสังกัดคณะธรรมยุตและได้นิมนต์ พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดุลย์ อตุโล) ซึ่งปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานอยู่ ให้มาประจำอยู่ที่วัดบูรพาราม ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส และร่วมเป็นคณะพระสังฆาธิการ
วัดบูรพาราม ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งแต่วันที่ 1กุมภาพันธ์ พ.ศ.2420 และเป็นวัดสำคัญของจังหวัดสุรินทร์ เนื่องมากจากเป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพระชีว์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของสุรินทร์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นมาพร้อมกับวัดบูรพาราม ประดิษฐานอยู่ในมณฑปจัตุรมุข นับเป็นปูชนียวัตถุที่ชาวสุรินทร์เคารพบูชาอย่างมากขณะที่จตุปัจจัย บำรุงพระพุทธศาสนา จำนวน 2,285,268.25 บาท