เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"โรสแมรี่ คาฮันดิง"  อดีตนักร้องดังยุค 90 เผยเหตุหนีวงการ ท้องแล้วโดนทิ้ง เคยคิดฆ่าตัวตายยกครัว


24 ต.ค. 2563, 14:45



"โรสแมรี่ คาฮันดิง"  อดีตนักร้องดังยุค 90 เผยเหตุหนีวงการ ท้องแล้วโดนทิ้ง เคยคิดฆ่าตัวตายยกครัว




 

"โรสแมรี่ คาฮันดิง" อดีตนักร้องดังยุค 90  เปิดใจในรายการ "ถามสุดซอย" เผยเหตุออกจากวงการบันเทิง เพราะตั้งท้องแล้วโดนทิ้ง แถมเคยคิดฆ่าตัวตายยกครัว

 

ยุคนั้นดังมาก ดังระดับไหน?

โรสแมรี่ : "เราไม่คิดว่าจะดังมาก แต่มันขึ้นอันดับหนึ่งฮอตเวฟ ก็เลยคิดว่ามันน่าจะดังมั้ง เพราะตอนนั้นฮอตเวฟเป็นคลื่นที่วัยรุ่นฟังเยอะที่สุด คอนเสิร์ตก็เยอะ โรสทำงานจนไม่รู้ว่าทำงานเยอะขนาดไหน มีไปทัวร์ทั่วเลย"

รายได้เป็นยังไงกับการเป็นนักร้องสมัยนั้น?

โรสแมรี่ : "ไม่ได้นับเลย ยังเด็กมาก รายได้เยอะประมาณนึง"

ทำให้ตั้งตัวได้ มีเงินเก็บมั้ย?

โรสแมรี่ : "มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ ก็คือได้รถมาคันนึง ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ เป็นรถคู่ใจ ยังใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ตอนแรกว่าจะเปลี่ยน แต่นั่นแหละมีจุดหันเหนิดนึง"

จุดหักเหเกิดอะไรขึ้น?

โรสแมรี่ : "ก็ตอนที่มีน้องนี่แหละค่ะ ตอนนั้นกำลังมีวง จากรายได้ที่ไม่เยอะมาก ก็เป็นวงที่มีรายได้เยอะ เดือนนึงก็เยอะ กำลังจะดีไปได้สวย แล้วน้องมาพอดี เป็นจุดที่เราต้องเลือก คุณพ่อเขาไม่พร้อม เราก็ต้องเลือกว่าจะเอาน้องไว้หรือไม่เอาน้องไว้ ทุกคนที่วงรู้หมด"

ณ วันที่รู้ว่าท้อง และตัดสินใจว่าจะเอาไว้หรือไม่เอาไว้ อะไรมากกว่ากัน?

โรสแมรี่ : "เอาไว้มากกว่า แต่ในความเป็นจริง ถ้าเราเอาเขาไว้ เราจะเอาอะไรกินกันสองคน เราจะฝากท้องยังไง ช่วงทำงานไม่ได้เราจะเอาเงินที่ไหนซื้อนม มันอยู่ในหัวเต็มไปหมด โรสเดินตั้งแต่พระราม 3 ไปจนถึงถนนจันทน์ 4 พระยา ค่อยๆ เดินแล้วคิด เพราะพ้อยท์แรกพอรู้ว่ามีน้อง คิดร้ายไว้ก่อนว่าถ้าเขาไม่รับล่ะ เพราะเป็นนักดนตรีเหมือนกันด้วย คิดแย่ๆ ไว้ก่อนว่าเราจะทำยังไงดี"

ณ วันที่เราบอกเขา?

โรสแมรี่ : "เขาอึ้งและช็อกไป เขาก็บอกว่ายังไม่ได้มั่นคงเลย และเขาก็ไม่พร้อม เราได้ยินแบบนี้ก็อ้าว แล้วยังไง คืออะไร เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักโรสนะ โรสอยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเหรอ อยากแต่งงานกับคนไม่รู้เหรอ คำตอบนี้ก็ทำให้เราตัดเลย เพราะมันไม่มีคำถามแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงบางคนอาจจะทำไมเธอไม่รักฉัน แต่โรสไม่รักก็คือจบ ไม่มีคำพูดอะไรต่อ"

ตอนคลอดลูกมีไปทำงานโรงแรม?

โรสแมรี่ : "จุดหักเหนี้คือเพื่อนที่รู้จักเป็นเจ้าของโรงแรมที่จังหวัดนึง แล้วโรสไปเจอเขาพอดี ก็เลยบอกว่าเขาว่าฉันท้อง จริงๆ ตอนนั้นไม่กล้าบอกใคร เพิ่งรู้ว่าท้อง เขาก็ถามว่าจะยังไง จะเก็บน้องไว้มั้ย ถ้าเก็บไว้จะช่วย แต่ก็ต้องตัดที่นี่ทิ้งทุกอย่างเลยนะ ตอนนั้นพ่อโรสไปร้องเพลงที่โรงแรมเขาด้วย เขาบอกจะทำห้องพักให้ที่ข้างหลังเป็นห้องพักพนักงาน จะติดแอร์ติดอะไรให้สบาย ให้ไปอยู่ที่โน่น ทิ้งที่นี่ซะ แล้วไปอยู่ที่โน่น ก็กินในโรงแรม เรื่องคลอดน้องเดี๋ยวจะดูแลให้ เราก็ตัดสินใจว่าเลือกน้อง ชีวิตเปลี่ยนเลย แล้วก็เริ่มทำอะไรไม่ได้ เพราะท้องโตแล้ว ก็กินนอนๆ"

เห็นว่าตอนทำงานโรงแรม โดนนินทา เพื่อนร่วมงานไม่โอเค?

โรสแมรี่ : "ทีแรกเพื่อนที่ช่วย เป็นเพื่อนที่รู้จักมานาน 10 ปี เขากลับจากเมืองนอก ดีกับเรามาก แล้วอยู่ดีๆ วันนึงเขาก็เปลี่ยนไป ทุกคนในโรงแรมไม่คุยกับเราเลย เหมือนกดดัน ตอนนั้นน้องน่าจะ 1 ขวบ แล้วก็พูดกดดันว่าพ่อแก่แล้วเมื่อไหร่จะให้พ่อเลิกร้องเพลง พ่อเขาก็คิดมาก ตอนนั้นพ่อน่าสงสารมาก ขนาดตี 4 เขาจะอยู่กับเพื่อนอีกห้องนึง บอกว่าให้มาดูพ่อหน่อย พ่อเขาฉี่ราดรดกางเกงแล้วนะ แล้วใส่รองเท้าจะไปทำงาน เหมือนเขาคิดมาก เขากลัวจะไม่ได้ทำงาน คิดมากกลัวเราจะลำบาก เพราะทำงานสองคนเงินก็ไม่ได้เยอะอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้ให้เงินเดือนเยอะเลย แล้วพออาชีพโรงแรม คนนั้นก็พูดอย่างนั้นอย่างนี้ พอเราตอบโต้ไป สุดท้ายกลายเป็นเราเป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมด ทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนเริ่มเลย เพื่อนเราก็หูเบา เชื่อเขา ทุกอย่างก็กลายเป็นว่าไม่มีใครคุยกับเรา จากที่ไหว้เรา ทุกคนมองเราเอาง่ายๆ เหมือนสุนัขตัวนึงเลย"

ต้องไปกินข้าวหลังโรงแรมคนเดียว?

โรสแมรี่ : "ใช่ ตอนแรกที่เขาตกลงไว้ โรสกินข้าวได้นะ วันละ 200 หรือกินเกินก็ให้บอกเรา เซ็นเอาไว้ เพราะเป็นของเราให้โรสนะ ค่าจ้างพี่เลี้ยงดูแลโรสเราจะจ่ายให้นะ เขาก็มาดูแลทุ่มนึงตอนโรสไม่อยู่ โรสร้องเพลงเสร็จ 3 ทุ่มก็กลับ แล้วเขาก็บอกว่าเขาดูแลเรื่องค่าพี่เลี้ยงให้ไม่ได้แล้วนะ เราก็ถามว่าจะทำยังไง ต้องอุ้มลูกไปเหรอ เขาก็บอกว่าแล้วแต่จะคิดแล้วกัน เรื่องข้าวที่โรงแรมก็ไม่ให้กินแล้วนะ แล้วเราจะกินยังไง ในเมื่อเงินเดือนเราก็น้อย ตอนนั้นงงมาก ก็เลยต้องไปกินที่พนักงานเขากินกัน อาหารลูกค้าที่เก็บใส่ตู้ที่พอจะยังเหลืออยู่ จะมีอาหารพนักงาน อาหารดีๆ อย่างปลา บางทีเราเห็นเขากินกันก่อน เพราะเราร้องเพลงเสร็จคนสุดท้าย เราก็เอาเศษที่เหลือมากิน บางทีมีแต่น้ำซุปก็ต้องกิน นั่งกินอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครคุยด้วยเลย เป็นความกดดันอยู่อย่างนั้นหลายเดือนมาก เขาพยายามบีบให้เราออก แต่เราไม่มีทางออก เพราะเราไม่มีบ้าน ไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่นี่เลย แล้วเราต้องหอบทั้งพ่อทั้งลูกทั้งหมากลับมา ลูกก็เล็ก แล้วจะทำงานประจำยังไง อายุขนาดนี้แล้วไม่เคยทำงานประจำ เป็นนักร้องมาตลอด ซึ่งเพื่อนก็รู้ว่าเราลำบาก กลับบ้านก็มีช่วงนึงที่เราโฮออกมาเลย กวาดบ้านอยู่แล้วออกมาหมดเลย มันอัดอั้น เราไม่เข้าใจว่าคนเหล่านั้นเอาอะไรมาวัดว่าวันนึงจะไหว้เพราะเราเป็นเพื่อนเจ้าของ แต่พอวันนึงเราโดนบีบ ทำกับเราเหมือนไม่ใช่คน เรารู้สึกว่าคุณรู้จักเราแค่ไหน มองค่าความเป็นคนเราขนาดไหนถึงทำแบบนี้"

 



จุดเปลี่ยนที่ตัดสินใจออกจากตรงนั้น?

โรสแมรี่ : "มันไม่มีจุดเปลี่ยน โรสทำอะไรไม่ได้เลย ต้องอยู่อย่างนั้นไปสักพักนึง แต่มันแย่มากตรงเดินเข้าไปในบ้านแล้วเห็นลูกตัวเล็กๆ เขาเพิ่งเดิน เราผูกพันกันมาก ตั้งแต่ในท้อง พอเราร้องไห้เขาก็เดินเตาะแตะๆ มา เราก็ร้องไห้เยอะมาก แล้วหมาก็มานอนตัก น้องก็เดินไปเหมือนคุ้ยตะกร้า ลากผ้าเช็ดตัวมาผืนนึงแล้วเอามาซับน้ำตาให้เรา คราวนี้เราร้องหนักเลย คือเด็กเขาไม่รู้หรอกว่าเราเป็นอะไร แต่เขารู้ว่าเวลาเขาร้องไห้ เราซับน้ำตาให้เขา พอเราร้องเขาก็มาซับให้เรา โดยที่เขาพูดไม่ได้ มากอดเรา เราก็ยิ่งแบบ ทำไมคนพวกนี้ใจร้ายจังเลย ทำกับเราไม่เป็นไรนะ แต่การที่เราได้เห็นพ่อเราเอ๋อ จิตตกไปเลย วูบไปเลย ลูกต้องมาอยู่สภาพแบบนี้ คุณจะทำยังไงก็ได้ แต่กับคนแก่กับเด็ก น่าจะมีน้ำใจหน่อยนะ"

 แล้วปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากอะไร?

โรสแมรี่ : "เขาบอกว่าเราเป็นตัวทำให้โรงแรมแตกแยกกัน ความรู้สึกมันแย่มาก"


เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า?

โรสแมรี่ : "โรสว่ามันน่าจะนานแล้ว ตั้งแต่เด็กด้วย ตอนเด็กชีวิตเราก็ไม่ได้ดีเหมือนกัน โรสว่ามันมาออกตอนที่พ่อเสีย หลังจากเหตุการณ์นั้นเขาก็เริ่มเอ๋อ น็อกไปรอบนึง ขาดออกซิเจนไป 4 นาที แล้วก็เอ๋อ กลับมากรุงเทพฯ ก็หาบ้านไม่เจอ ไปนั่งอยู่ในบ้านใครก็ไม่รู้ แล้วมีคนโทรหาบอกว่านี่พ่อพี่มาเดินอยู่ถนนจันทน์ เคาะทุกบ้านเลยว่าโรสอยู่มั้ย โรสก็ไปรับ เขานั่งเหมือนเด็กๆ ถือถุงไก่ถุงนึงเอามาให้หมา เราก็แบบป๊ากลับเถอะ เขาก็ไม่กลับ นั่งเหมือนเด็ก อีกวันนึงก็จำทุกอย่างได้ เหมือนเป็นช็อตๆ ไป ถามว่าเราโกรธมั้ย เราโกรธนะ เพราะทำกับพ่อเรา"

เคยคิดฆ่าตัวตายด้วย?

โรสแมรี่ : "เคยคิดนะ ถ้าเดินมาแล้วเห็นเราห้องต่องแต่ง 3 ชีวิตจะสะใจมั้ย แต่เราเห็นหน้าลูกเขาบริสุทธิ์เกินไป เราทนลูกเจ็บไม่ได้ แค่คิดเราก็ไม่ๆ เคยคิดว่าถ้าต้องเหมือนในข่าว เอายาให้ลูกกิน ชักดิ้นชักงอ เราต้องกินทีหลัง เห็นอย่างนั้นเราทำใจไม่ได้ เราเห็นภาพนี้ไม่ได้ แล้วคนที่รักเราต้องมาเห็นภาพนี้จะรู้สึกผิด รู้สึกแย่ขนาดไหน ต้องเป็นโศกนาฎกรรมอ่ะ"


เราเป็นโรคซึมเศร้า ไปหาหมอมั้ย?

โรสแมรี่ : "หาหมอ เราเป็นนั่นแหละ แต่เราคิดว่าเราโอเค เรามองโลกแง่ดีได้ แต่ว่ามันออกมาทางกาย คือเริ่มหายใจไม่ออก หัวใจเต้นผิดปกติ ก็คิดว่าเฮ้ย ฉันกำลังจะหัวใจวาย แล้วมีข่าวคนนั้นตายหัวใจวายเฉียบพลัน ก็คิดว่าฉันกำลังจะตาย ฉันหายใจไม่ออก ข้างในมวนท้องไปหมด ก็เลยเขียนจดหมายไว้ฉบับนึง ฝากไว้ให้ใครที่ดูแลลูกให้ช่วยเขาเรียนให้จบจนโต แล้วก็ฝากให้เขาอย่าไปตกในมือใคร เพราะเขาไม่มีใครเซ็นรับเป็นพ่อ ก็กลัวว่าเขาจะไปตกที่บ้านเด็ก ก็เขียนว่ารักลูกนะ ถ้าไม่ได้เจอหน้ากัน"

ที่เขียนไว้จะฝากลูกไว้กับใคร?

โรสแมรี่ : "พี่ในวงการคนนึงที่สนิทกัน ก็ฝากเบอร์ทิ้งไว้ แล้วเขียนถึงลูก"

สุดท้ายไปหาหมอและกินยา?

โรสแมรี่ : "ก็รีบไปหาหมอ หมอก็รีบเช็กคลื่นหัวใจ เช็กเลือด เช็กความดัน หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรนะ ไม่มีความดัน ไม่มีน้ำตาลในเลือด หัวใจก็เต้นปกติ เราก็บอกว่าไม่ๆ หมอหนูจะตายจริงๆ มันหายใจไม่ออกจริงๆ มันบีบรัด เขาก็ตรวจให้อีกรอบ แต่ก็ไม่เป็นอะไร เขาก็บอกว่าแพนิค ซึมเศร้า พรุ่งนี้พบจิตแพทย์เลยแล้วกัน เราก็โอเค ก็ไปพบแพทย์และกินยา"


 

 

 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.