"จนท.ป่าไม้" ปะทะเดือดขบวนการทำไม้ชายแดนไทย-กัมพูชา ห่างจากชายแดนเพียง 200 เมตร
29 ต.ค. 2563, 08:05
เมื่อวันที่ 28 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ หน่วย Smart Patrol ห้วยศาลา นำโดยนายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 และเจ้าหน้าที่ทหารพรานร้อย 2601 ได้ร่วมกันลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ได้พบการลักลอบตัดไม้ตะเคียน บริเวณป่าทางทิศตะวันตก “พลาญจาก” ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ทับซ้อนเขตป่าถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี “ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา” ท้องที่ตำบลดงรัก อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ จุดเกิดเหตุพิกัด UTM 48 P 415026 E1588700 N ห่างจากชายแดนไทย - กัมพูชา ประมาณ 200 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อจะเข้าไปจับกุม แต่ปรากฏว่า ขณะจะเข้าจับกุม ได้มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ทำหน้าที่คุ้มกันการลักลอบตัดไม้ ได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ก่อน จึงได้มีการยิงปะทะกับกลุ่มลักลอบตัดไม้เสียงปืนดังสนั่นป่า และต่อมาปรากฏว่า ได้มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้ามาเสริมกำลังพร้อมกับเสียงรถยนต์ และเสียงปืนดังมาสมทบกับขบวนการทำไม้ที่กำลังปะทะกันอยู่
ซึ่งการเสริมกำลังของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ทำให้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลาและเจ้าหน้าที่ทหาร ต้องพากันถอยร่นออกจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะกัน โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมชาวกัมพูชาได้ 1 คน พร้อมด้วย อาวุธปืนอาร์ก้า 1 กระบอก กระสุนปืนอาก้า จำนวน 6 นัด เลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 1 เครื่อง ไม้ตะเคียนทอง จำนวน 1 ต้น ได้ถูกตัดโค่นและแปรรูปด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ ทั้งหมด 35 ท่อน/แผ่น ปริมาตร 2.83 ลูกดบาศก์เมตร ซึ่งการปะทะกันในครั้งนี้ ปรากฏว่า ร้อยโทศิวะเทพ บุญล้อม ถูกกระสุนปืนฝ่ายตรงข้ามยิงเข้าที่บริเวณหลังด้านซ้ายทะลุด้านหน้า เจ้าหน้าที่ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้น ได้นำตัวผู้ต้องหาและปืนของกลางที่ยึดได้ออกจากพื้นที่เกิดเหตุปะทะกันออกมาก่อน โดยเหตุการณ์ปะทะกันนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 09.12 น. ของวันที่ 27 ต.ค. 63 ที่ผ่านมา
ต่อมา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี พร้อมด้วยนายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ได้ลงพื้นที่ไปทำการสอบสวนชาวกัมพูชา ผ่านล่ามด้วยตนเอง ทราบชื่อผู้ต้องหาชาวกัมพูชาว่า คือ นายแง็น โสแว้ย อายุ 55 ปี อาศัยอยู่บ้านภูมิโอว์กระยูง ตำบลตรอเปียงไปร อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งให้การเบื้องต้นอ้างว่า พวกตนมาทั้งหมด 5 คน ใน 5 คนนั้นมี 2 คนเป็นทหารกัมพูชามีหน้าที่คอยคุ้มกันอีก 2 คน มีหน้าที่โค่นไม้และแปรรูปไม้ ส่วนตนมีหน้าที่แบกไม้เท่านั้น ตนไม่ได้เป็นคนตัดโค่นต้นตะเคียนดังกล่าวแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ได้เลื่อยตัดไม้ ไม่ได้ใช้อาวุธปืน AK 47 (อาก้า) ยิงเจ้าหน้าที่ และปืนไม่ใช่ของตนอีกทั้งตนไม่ใช่ทหารกัมพูชา การยิงเพื่อต่อสู้นั้นมาจากชุดคุ้มกัน ซึ่งเป็นทหารกัมพูชาและเป็นคนที่นำชี้ให้ตนมารับจ้างแบกไม้
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี เปิดเผยว่า ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเสื้อและกางเกง มาเปลี่ยนให้ผู้ต้องหา เพื่อจะได้นำเอาเสื้อผ้าของผู้ต้องหา นำไปพิสูจน์หาหลักฐานคราบน้ำมันและขี้เลื่อยในเสื้อผ้าของผู้ต้องหา เพื่อเป็นพยานหลักฐานมัดตัวผู้ต้องหาให้ได้ว่า คราบน้ำมัน / เศษขี้เลื่อย และ รอยนิ้วมือ ของผู้ต้องหานั้น ตรงกับน้ำมันเครื่องของเลื่อยโซ่ยนต์ และที่สำคัญคือลายนิ้วมือที่ติดอยู่กับปืน AK 47 (อาก้า)นี้ ตรงกับผู้ต้องหาหรือไม่ เพราะผู้ต้องหา อ้างว่าตนไม่ได้โค่นไม้ตัดไม้ ตนมาแค่แบกไม้ เพื่อให้พ้นข้อหาทำไม้ ซึ่งข้อหานี้ มีโทษหนัก และจะได้ตรวจสอบลายนิ้วมือในอาวุธปืนสงคราม เพื่อให้ทราบว่า ปืนอาก้ากระบอกดังกล่าว ผู้ต้องหาได้ใช้เอง หรือไม่ ส่วนเจ้าหน้าที่ทหาร 1 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนปืน AK47 เข้าด้านหลัง 1 นัด โดยถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณหลังด้านซ้ายกระสุนทะลุด้านหน้า หัวกระสุนผ่านระหว่างแผ่นหลังกับช่องแขน ซึ่งได้ส่งตัวผู้บาดเจ็บไปที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว โดยได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาที่ถูกจับว่า กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11,48,69, พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 53,55(5) พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 มาตรา 4 ,พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522, พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490, ตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ต่อมาเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 ต.ค. 63 พันเอกลิขิต สมานมิตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้นำตัวผู้ต้องหาและนำอาวุธปืน AK 47 (อาก้า) ซึ่งได้ขออายัดตัวผู้ต้องหาและของกลาง ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ภูสิงห์ โดยใช้อำนาจทางการทหารเพื่อขยายผลให้ผู้ต้องหานำชี้หาตัวผู้ที่ซุ่มยิง ร้อยโท ศิวะเทพ บุญล้อม จนได้รับบาดเจ็บ และเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม พร้อมทั้งจะได้นำกำลัง เจ้าหน้าที่ทุกส่วนเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุปะทะกันอีกครั้ง และอาจจะต้องมีการเจรจาต่อรองกับทหารหน่วยความมั่นคงของกัมพูชา เพื่อให้สั่งห้ามมิให้มีการตัดไม้และล่าสัตว์ป่า ในเขตชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดนอีกต่อไปด้วยเพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ไม่ให้เกิดมีขึ้นอีกต่อไป