นายกฯ ย้ำสานสัมพันธ์ไทย-สโลวัก เพิ่มพูน-กระตุ้นความร่วมมือระหว่างกันทุกมิติ
29 ต.ค. 2563, 13:34
วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2563) เวลา 11.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสตะนิสลาฟ อะปิลา (H.E. Mr. Stanislav Opiela) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสโลวักประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐสโลวักที่มีความเป็นมิตรที่ดีต่อกันมายาวนานกว่า 40 ปี พร้อมทั้งขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง เป็นผลให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีของทั้งสองประเทศราบรื่น อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีหวังว่าทั้งสองประเทศจะเพิ่มพูนพลวัตและความร่วมมือในความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน
เอกอัครราชทูตฯ ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าพบ ยินดีที่ได้ดำรงตำแหน่งในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่สวยงามน่าอยู่ ได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ดำรงตำแหน่ง พร้อมทั้งชื่นชมที่ไทยกับสาธารณรัฐสโลวักมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน และเห็นพ้องว่าทั้งสองประเทศควรกระชับความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นวิกฤตที่ท้าทายในระดับโลก ด้านนายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจและอวยพรให้สาธารณรัฐสโลวักควบคุมสถานการณ์โควิด-19 และดูแลประชาชนให้ปลอดภัย
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ร่วมกัน ด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายเห็นว่ายังมีโอกาส และช่องทางในการขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก นายกรัฐมนตรีขอให้สโลวักช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ภาคเอกชนไทยที่เข้าไปลงทุน พร้อมทั้งเชิญชวนให้ภาคเอกชนสโลวักเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งนักลงทุนสโลวักสามารถใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งของไทยในการเป็นฐานการผลิตและกระจายสินค้าสู่ตลาดอาเซียนได้ นอกจากนี้ ทั้งสองเห็นพ้องส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกันให้มากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยว่าขอให้เชื่อมั่นในเสถียรภาพของรัฐบาล ยังสามารถดูแล จัดการสถานการณ์ได้ และได้ใช้โอกาสนี้ชื่นชมการทำงานของรัฐบาลสโลวักในการบริหารจัดการประเทศ