เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.จีรเดช กันทะสาร สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสระบุรี รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ปิคอัพพลิกคว่ำมีผู้เสียชีวิตบนถนนพหลโยธิน (สระบุรี-ลพบุรี) หลัก ก.ม.ที่ 112 หน้าสนามกีฬา จ.สระบุรี ท้องที่ ม.1 ต.ดาวเรือง อ.เมือง จึงรีบไปสอบสวนพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.สระบุรี อาสาสมัครมูลนิธิสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี

ในที่เกิดเหตุพบศพเป็นชายแต่งกายห่มจีวรเหมือนพระสงฆ์ แต่ผมยาวกว่าพระทั่วไป นอนเสียชีวิตอยู่ใต้ซุ้มประตูเมืองก่อนเข้าตัวเมืองสระบุรี สภาพศพแขน-ขาหักศรีษะยุบ ห่างจากจุดพบศพราว 30 เมตรมีรถยนต์ปิคอัพยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักษณ์สีบรอนซ์หมายเลขทะเบียน 3 ฒก-254 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้าด้านหน้าและด้านขวาพังไปทั้งแถบ ทรัพย์สินกระเป๋าเดินทางตกเกลื่อนพื้นถนน เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน ตรวจสอบในกระเป๋าเล็ก (สตางศ์) พบ ใบอนุญาติขับขี่รถยนต์ชื่อ นายขวัญชัย แพกำเนิด อายุ 25 ปี (เข้าใจว่าเป็นผู้ตาย) นอกจากนั้นยังพบสมุดบัญชีธนาคารออมสิน 1 เล่มระบุชื่อ น.ส.สายฝน เวชเท้า เป็นชาว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จึงมอบศพให้มูลนิธิฯนำส่งนิติเวชชันสูตรตามระเบียบ

สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ที่มีร้านค้าใกล้ที่เกิดเหตุให้การว่า ขณะเกิดเหตุมีฝนตกพรำๆอยู่ตลอดเวลา รถคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วจากทาง จ.ลพบุรี ถึงที่เกิดเหตุได้เสียหลักเหินพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าแรงสูงบนเกาะกลางถนน ชนป้ายชื่อและต้นตะแบกที่นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีที่ปลูกไว้ ล้มระเนระนาด และยังชนเข้ากับเหล็กกั้นขอบระหว่างเกาะกลางกับพื้นผิวจราจร ชิ้นส่วนฝากระโปรงและประตูรถปิคอัพหลุดจากตัวรถ ก่อนกระเด็นไปสิ้นฤทธิ์พลิกคว่ำหงายท้องล้อชี้ฟ้าคนขับหลุดจากที่นั่งเสียชีวิต (จากจุดรถเสียหลักถึงจุดพลิกคว่ำไกลกว่า 135 เมตร)

ทางด้าน นายวรรณรัตน์ เทพวัลย์ ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนหนึ่ง เล่าว่า ตนเองได้ยินเสียงรถพุ่งชนเกาะกลางถนน เสียงตู้ม แต่รถไปแล้ว จากนั้นได้วิ่งตามไปดูก็ไม่พบใครภายในรถ และเมื่อเดินกลับมาดูที่ซุ้ม พบพระภิกษุนอนเสียชีวิตอยู่ คาดว่าน่าจะมาด้วยความเร็วสูง

พ.ต.ต.จีรเดชฯ เปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายซึ่งการแต่งกายเป็นพระสงฆ์ แต่ในชั้นนี้ยังไม่พบใบสุทธิหรือหลักฐานใดๆ บ่อบอกว่าเป็นพระสงฆ์ สังกัดวัดใด และยังเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ด้วยตนเองขณะขับรถมามีฝนตกตลอดเวลา รถใช้ความเร็วถนนลื่นทำให้เสียหลักประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขึ้นดังกล่าว คงต้องรอติดต่อแจ้งให้ญาติทราบ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นพระจริงหรือไม่ประการใด