ผู้การตั้งคณะทำงานสืบสวน "คดีหนุ่มรัษฎาดับปริศนา"
24 ก.ค. 2562, 09:14
จากกรณีการเสียชีวิตของ นายธนวิชญ์ หรือหมู สิทคชวัน อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/1 หมู่ 9 ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง ซึ่งผลการชันสูตรพลิกศพของหมอในพื้นที่ระบุว่า ถูกกระแสไฟฟ้าช๊อตตาย เหตุเกิดริมคลองสาธารณะ ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 200 เมตร เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 แต่ต่อมาญาติได้ติดใจสาเหตุการณ์ตาย จึงส่งศพไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายใหม่ ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) จ.สงขลา และผลการผ่าพิสูจน์ระบุว่า ตายเนื่องจากสมองได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกด้วยวัตถุของแข็งไม่มีคม ซึ่งขัดแย้งกับผลสรุปของตำรวจและหมอในพื้นที่ จนล่าสุดทางครอบครัวได้มีการเดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบปราม โดยระบุว่า ลูกชายถูกฆาตรกรรม และอาจเกี่ยวพันกับลูกชายบุญธรรมของตำรวจในพื้นที่ อีกทั้งคดีผ่านมาแล้วประมาณ 5 เดือน ทางตำรวจในพื้นที่ยังจับคนร้ายไม่ได้ และเกรงตำรวจไม่ทำงานนั้น
ผู้สื่อข่าว onb news รายงานว่า พล.ต.ต.นุกูล ไกรทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวว่า เดิมทางตำรวจก็ทำตามผลการชันสูตรพลิกศพของหมอทุกประการว่า เกิดจากไฟฟ้าช๊อต ก็มอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนา แต่ต่อมาญาติใจถึงสาเหตุการตายจึงส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่ มอ. และผลการผ่าพิสูจน์ระบุว่า เสียชีวิตเพราะสมองได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกด้วยวัตถุของแข็งไม่มีคม จึงทำให้ขณะนี้ตนเองได้แต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมาอีก 1 ชุด เพื่อทำการแสวงหาข้อมูลพยานหลักฐานใหม่ทั้งหมด และเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยในทุกประเด็น ในที่นี้จะมีการเรียกหมอที่ทำหน้าที่ชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้นที่ระบุว่า ผู้ตายตายเพราะถูกกระแสไฟฟ้าช๊อตตายในน้ำ มาสอบปากคำด้วย รวมทั้งพยานแวดล้อมต่างๆ และกำลังรอพ่อแม่ของผู้ตายซึ่งกำลังเดินทางกลับจากกรุงเทพฯ มาให้ปากคำด้วย โดยเฉพาะแม่ที่ยืนยันว่า เป็นคนไปพบศพคนแรก และมีการดึงศพขึ้นมาจากน้ำ เพื่อมาสอบปากคำอย่างละเอียดต่อไป รวมทั้งสอบพยานแวดล้อมต่างๆ ซึ่งขณะนี้สอบไปแล้วหลายปาก
พร้อมยืนยันทางตำรวจทำงานเต็มที่จะต้องสอบในทุกประเด็นที่สงสัย และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีด้วยว่า เหตุใดหลังได้รับผลการผ่าพิสูจน์จาก มอ.แล้ว ยังทำงานล่าช้า ซึ่งหากผลการสืบสวนสอบสวนใหม่ที่จะออกมาระบุว่าเป็นการฆาตรกรรมจริง และมีพยานเกี่ยวพันไปถึงใคร ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยไม่เกี่ยวว่าเป็นลูกหลานใคร ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ต้องว่าไปตามถูก