เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ชาวนาระวัง พบผู้ป่วย โรคเนื้อเน่า-แบคทีเรียกินเนื้อคน ดับแล้ว 1 ราย


24 ก.ค. 2562, 14:02



ชาวนาระวัง พบผู้ป่วย โรคเนื้อเน่า-แบคทีเรียกินเนื้อคน ดับแล้ว 1 ราย




( 24 ก.ค. 62 ) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่โรงพยาบาลน่าน นายแพทย์ พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน ได้เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนัง หรือเรียกว่า โรคหนังเน่า เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลน่านแล้ว จำนวน 25 ราย กำลังพักฟื้น 5 ราย และอยู่ห้อง ICU อีก 2 ราย และ เสียชีวิตแล้ว 1 ราย ซึ่งโรคดังกล่าวนี้ เป็นโรคที่ติดเชื้อจากทางผิวหนังลุกลามเข้าสู่กล้ามเนื้อจนเป็นแผลพุพอง และมีหนอง ลามเข้าไปถึงกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง ซึ่งบางราย ต้องทำการผ่าตัด หรือกรีดเนื้อ เปิดแผล เพื่อให้หนองไหลอกมา

 

การระบาดของโรคหนังเน่า โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีประวัติไปดำนา ลุยโคลน และโดนหอย หรือเศษแก้วบาด เศษไม้ตำเท้า และไม่ได้ทำแผล หรือรักษาใดๆ เนื่องจากต้องทำนาให้เสร็จ ทำให้เชื้อโรคเข้าไปในบาดแผล และเพิ่มจำนวนจนเกิดอาการรุนแรงได้ โรคเนื้อเน่าส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อโรคทั้งชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจน เช่น คลอสติเดียม และเชื้อชนิดใช้ออกซิเจน เช่น สแตปฟิโลคอคคัส สเตรปโตคอคคัส ชนิดที่สามารถสร้างสารพิษได้ โดยอาการจะมีผิวหนังบวมแดงร้อน ถ้าเชื้อลงลึกกินทั้งชั้นผิวหนังจะพบตุ่มพุพอง และค่อยๆ เปลี่ยนสีเป็นสีม่วง และถ้าเนื้อตายจะกลายเป็นสีดำ บางรายอาจจะต้องตัดขา หรืออาจจะมีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด ไข้สูง และทำให้เสียชีวิต

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายคือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำได้แก่ ประวัติดื่มสุราประจำ เป็นโรคตับแข็ง โรคเบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และการรับประทานยา สเตียรอยด์ ส่วนใหญ่โรคนี้จะระบาดในฤดูฝนในช่วงที่เกษตรกรลงดำนา ลุยโคลน จึงขอเตือนให้ผู้ที่ทำนา ถ้ามีแผลตามร่างกาย ขอให้รีบขึ้นจากโคลน รีบล้างแผลโดยให้น้ำสะอาดไหลผ่าน ซับด้วยผ้าสะอาด และปิดแผล ถ้ามียาฆ่าเชื้อโพวิโดนไอโอดีนสามารถใช้ทาแผลได้ แล้วรีบมาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อให้ตรวจรักษาต่อไป สำหรับการรักษาแพทย์จำเป็นต้องตัดเนื้อตายออกให้หมด และให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งถ้าเชื้อยังไม่ลุกลามเข้ากระแสเลือด ผลลัพธ์ของการรักษาจะค่อนข้างดี สำหรับผู้ป่วยบางรายที่ไม่ได้ลงนา หรือไม่มีบาดแผลก็อาจจะติดเชื้อดังกล่าวได้ โดยการเกา หรือมีบาดแผลถลอกเล็กน้อย เชื้อสเตรปโตคอคคัส หรือสแตปฟิโลคอคคัสที่อยู่บริเวณผิวหนังอาจจะเข้าไปในแผลแล้วเกิดการติดเชื้อ ถ้าผู้ใดมีผิวหนังบวมแดงอย่างรวดเร็ว แล้วมีตุ่มพุพองที่ผิวหนัง แนะนำให้รีบมาตรวจรักษาก่อนที่อาการจะลุกลามจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

ในส่วนของ นายแพทย์ พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน ได้กล่าวว่า ฝากเตือนประชาชนที่ต้องลุยน้ำลุยโคลน ให้สวมเครื่องป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดบาดแผล หรือถ้าหากมีแผลอยู่แล้ว ให้หลีกเลี่ยงการลุยน้ำและโคลน เพื่อไม่ให้เชื้อดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล



 







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.