ยังล่องหน 2 โจรขโมยรถยนต์และรถจยย.หนีข้ามอำเภอชาวบ้านยิ่งผวาหนักตร.ตามจับยังไม่ได้ ส่วนสาวอุดรเล่านาทีเจอคนร้ายชวนไปด้วย โดยวันนี้ (7 พ.ย.63) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณี 2 คนร้ายเข้าไปเข้าไปขโมยรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าโคโรล่าสีเขียว หมายเลขทะเบียน  กย 3626 อุดรธานีที่เอากุญแจไว้ในรถของนายศิริ ขันธวิชัย พ่อของนายสุรชัย ขันธวิชัย อายุ 56 ปีเจ้าของร้านที่ร้านศิริชัยวัสดุก่อสร้างในเขตเทศบาลต.ไชยวานเมื่อกลางดึกของคืนวันที่  5 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว จากนั้นคนร้ายได้ไปประสบเหตุพารถเก๋งชนเสาไฟส่องสว่างเส้นทางที่บ้านซำเจริญ ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี โดยหนึ่งในคนร้ายได้รับบาดเจ็บ ต่อมาทางหน่วยกู้ชีพรพ.กู่แก้วได้นำตัวทั้งสองคนเข้าไปรักษาที่รพ.กู่แก้วโดยไม่รู้ว่าเป็นคนร้ายขโมยรถยนต์มา จากนั้นทั้งสองได้หนีออกจากรพ.ขโมยรถจยย.ของชาวบ้านหนีมาที่อ.ไชยวานอีกครั้งและยังขโมยรถจยย.พ่วงข้างหรือซาเล้งของนายศักดิ์สิทธิ์ พินิจมนตรี หรือ “พ่อใหญ่น้อย” อายุ 53 ปีช่างซ่อมรถที่อู่ช่างศักดิ์ข้างสภ.ไชยวาน และหลบหนีไปอย่างไร้ล่องหนจนถึงขณะนี้  โดยตร.ทราบชื่อของ 2 คนร้ายคือนายวินัต บุราณรัตน์ อายุ 29 ปี และนายวิพัฒน์ สายทอง อายุ 23 ปี ชาว อ.บ้านดุง จ.อุดรธานีและตอนนี้ยังไล่ล่าติดตามอย่างกระชั้นชิดแต่ยังไม่พบตัวแต่อย่างใด ขณะที่ชาวบ้านยังผวากันหนักและพากันลือสนั่นเหมือน 2 คนร้ายมีวิชาล่องหนสามารถหนีไปได้อย่างลอยนวล แม้ตร.จะติดตามอย่างใกล้ชิดก็ยังจับกุมตัวไม่ได้

 

 

ล่าสุดมีรายงานว่ารถซาเล้งของนายศักดิ์สิทธิ์พบแล้ว โดยคนร้ายจอดไว้ที่ทางเข้าหมู่บ้านบ้านน้ำทิพย์ ต.คำเลาะ อ.ไชยวาน ห่างจากจุดที่ขโมยรถไปประมาณ 8 กม.โดยศักดิ์สิทธิ์ เปิดเผยว่า ค่ำวานนี้ทางตร.แจ้งตนว่าพบรถซาเล้งของตนเองแล้วที่ถนนทางเข้าหมู่บ้านบ้านน้ำทิพย์ ต.คำเลาะ เมื่อตนไปถึงยืนยันกับตร.ว่าใช่รถของตนเอง แต่ปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ที่เก็บไว้ใต้เบาะรถได้หายไป ในนั้นมีเอกสารเป็นบัตรประชาชน บัตรเอทีเอ็มและเงินสดอีก 100 บาท ซึ่งคนร้ายได้ขโมยเอาไปด้วย สาเหตุที่รถจยย.ถูกคนร้ายจอดทิ้งไว้เมื่อตรวจสอบพบว่าหัวเทียนกระดอนออกมาทำให้สตาร์ทไม่ติด คนร้ายจึงจอดทิ้งไว้ แต่น้ำมันเต็มถัง หากหัวเทียนไม่กระดอนสงสัยไม่ได้คืนแน่  ตนเองดีใจมากที่ได้รถกลับมาเพราะไม่คิดว่าจะได้คืน รถคันนี้ลูกสาวเป็นคนซื้อให้ก่อนไปทำงานที่ประเทศเกาหลี และผ่อนงวดหมดแล้วหมายเลขทะเบียน ขพพ 198 อุดรธานี โดยพ่อใหญ่น้อย พูดไปยิ้มไปเพราะดีใจที่ได้รถคืนแถมพูดติดตลกว่า ต่อไปนี้คงไม่เสียบกุญแจไว้คารถอีกแล้วและได้รถคืนแบบนี้สงสัยต้องเสี่ยงโชคกับป้ายทะเบียนรถหน่อย

 

 

ส่วน น.ส.น้อย อายุ 26 ปี ชาวบ้านบ้านน้ำทิพย์คนที่เห็น 2 คนร้ายตัวเป็นๆและเห็นหน้าจะจะพาผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่คนร้ายจอดรถซาเล้งทิ้งไว้เป็นทางเข้าบ้านพอดีพร้อมเปิดเผยว่า ก่อนเที่ยงวานนี้ขณะที่ตนเองเปิดร้านขายชานมและขายของชำก็มีชายคนมีผ้าก๊อตพันรอบศีรษะขับซาเล้งรถมาดับอยู่หน้าร้านตนเองพอดิบพอดี ตอนนั้นตนเองยังไม่รู้ว่าเป็นคนร้าย ก็ถามไปว่ารถเป็นอะไรพี่ พอรถเสียก็มีชายอีกคนขับรถจยย.ฮอนด้าเวฟสีน้ำเงินมาถามกันว่าเราจะไปกดเอทีเอาเอ็มที่ไหน จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้ามาในร้านชวนตัวเองคุยเหมือนสนิทกันมานาน โดยเฉพาะคนที่มีผ้าก๊อตพันรอบศีรษะไม่สวมรองเท้าและใส่เสื้อไม่ติดกระดุมทำให้ตนเองรู้สึกกลัว และถามตนว่าจะไปกดเอทีเอ็มได้ที่ไหนตนจึงบอกไปว่าไปที่บ้านคำเลาะมีตู้อยู่ จากนั้นเขาก็บอกอีกว่า ขอเซ็นบุหรี่ซองหน่อยเดี๋ยวกดเงินจะเอามาให้ ตนเริ่มเอะใจยิ่งไปอีกไม่กล้าให้แถมชวนเราไปด้วย โดยคนร้ายที่มีผ้าก๊อตพันศีรษะบอกว่า เราไปด้วยกันชวนไปอยู่ห้องแอร์เย็นๆ แต่ช่วงนั้นมีเพื่อนบ้านผู้ชายผ่านมาพอดี ตนจึงเรียกให้อยู่เป็นเพื่อนอยู่ได้ไม่นานก็เขาไปพร้อมดึงบุหรี่ยาเส้นซองละ 10 บาทไปด้วย จนผ่านมาถึงค่ำไม่เห็นเขากลับมาเอารถซาเล้งและตนเองเข้าไปดูเพจของสภ.ไชยวานเห็นหน้าสองคนร้ายกับคนที่ตนเองเจอและพูดคุยด้วยแทบตกใจรีบแจ้งตร.ทันที ไม่คิดว่าจะเจอกับตนเองตอนนี้อยู่ไม่เป็นสุขชาวบ้านแถวนี้พากันหวาดผวาอย่างมาก