หลังไร้เงา โบว์ แวนดา และ น้องมะลิ ลูกสาว ไปร่วมในงานแต่ง ปิล ชวนันท์ น้องชาย ปอ ทฤษฎี ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา 

ล่าสุด สาวโบว์เผยว่า “มันไม่ได้มีอะไรเลยค่ะ จริงๆไม่ได้รู้ข่าวด้วยนะคะว่าอะไร เราคุยกันในครอบครัวเรียบร้อยแล้ว ทีนี้มีคนแคปมาให้เราดู มีตำหนิเราบ้าง รู้ไปอีกว่าเป็นแบบนี้ ก็เลยงงว่าไปกันใหญ่แล้ว คือเรื่องของเรื่อง น้องปิลกับแฟนเขาได้ฤกษ์แต่งมาแล้ว แต่เราไม่รู้ฤกษ์ของเขา

เราก็รับงานไว้ทั้งวันเสาร์และอาทิตย์ วันเสาร์เป็นงานเดินแบบ วันอาทิตย์เป็นงานปิดของผู้ใหญ่ที่โบว์เคารพมาก ซึ่งดีลกันไว้ประมาณ 2 เดือนแล้ว ซึ่งเรามารู้วันแต่งงานเขาจากคุณย่า (แม่ของปอ) พอไปเช็คคิวตายแล้วมันทับงาน คุณย่าก็เข้าใจ บอกว่าไม่เป็นไรถ้าตกลงกับผู้ใหญ่แล้ว ก็เลยคุยกันว่าไม่ได้ไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ยินดีหรือไม่ดีใจ เดี๋ยวเราไปเจอกันทีหลัง ฉลองกันรอบหลังก็ได้”

โบว์ กล่าวอีกว่า คือน้องปิลไม่ค่อยได้เจอกันเลย ตั้งแต่โควิด เดือนกุมภาแล้วโบว์กักตัว และการเดินทางไปมาหาสู่กันในช่วงนั้นก็ลำบาก และน้องปิลอยู่อยุธยา คุณย่าอยู่บุรีรัมย์ นี่เพิ่งมาเจอกันแค่ 2-3 ครั้งเอง เหมือนความสัมพันธ์โบว์กับปิลมันแบบ คือเขาเป็นแมนๆ ถ้าเจอถึงได้คุย ไม่ได้มีการโทรคุยกัน ไม่มีการไลน์คุยกัน และช่วงหลัง ก็ไม่ได้เจอเลยช่วงนั้น และได้ข่าวจากคุณย่าว่าน้องจะแต่งแล้ว ก็โอเค คุยกับน้องสะใภ้ก็โอเค มีรูปออกมาหลายคนถามว่าอาปิลหายไปไหน คือจะพยายามเบี่ยง มีปัญหาเหรอค่ะ ทะเลาะกันเหรอค่ะ คือมันไม่ได้มีอะไรเลย”

“โยงดราม่าก็มาด่าโบว์ซะงั้น มารยาทนิดนึงทำไมถึงไม่ไป ใจเย็นนิดนึง ให้เวลาอธิบายนิดนึงว่ามันคืออะไร ก่อนที่คุณจะทวงถามหามารยาทกับคนอื่น ดูด้วยว่าคุณมีมารยาทหรือเปล่า ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะคุยกับคุณย่า คุณย่าก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเรามาฉลองกันทีหลัง”

เมื่อถามว่าได้คุยกับ “ปิล” หรือยัง โบว์ เผยว่า “ช่วงนี้ยังไม่ได้คุย น้องค่อนข้างที่จะยุ่ง ก่อนแต่งงานน้องยุ่ง เลื่อนขั้นตำแหน่ง แล้วโบว์ก็บอกว่า ไม่เป็นไร เมื่อก่อนเขาจะมาบ่อย ช่วงเขาโสดๆ ชีวิตโสดไปไหนมาไหนได้ แต่พอเขามีแฟนการงานขยับขึ้น ก็ต้องเข้าใจว่า ทุกคนมีภาระหน้าที่ ทุกคนมีครอบครัว โบว์ก็ตัดสินใจบอกว่า โบว์เป็นคนสบายๆ ถ้าว่างมา ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องมา อยู่ตรงไหนสบายใจทั้งสองฝ่ายก็อยู่ตรงนั้น คือไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มาแล้วพี่โบว์จะโกรธผมไหม ไม่มีค่ะ คือ ถ้ามาก็มาเลย การไม่เจอกันก็วิดีโอคอลหากันได้ตลอด และช่วงนี้มะลิจะติดหลาน น้องปาวีร์ ปลาวาฬ ลูกน้องชายอีกคนของปอ เราก็ซื้อนาฬิกาให้เขาเลย อยากคุยอยากโทรเมื่อไหร่ก็โทรหาทุกคนในครอบครัวเลย”

 

คนมองว่าเราไม่พาหลานไปบ้านโน้นจะตัดขาดแล้วเหรอ
“ไปถึงโน้น ตั้งแต่โควิดมาลำบาก แล้วมะลิก็เรียน เข้าโรงเรียนใหม่ ก็มีเรียนพิเศษบ้าง แล้วโบว์ก็งานเยอะ และมีโบว์คนเดียวที่ขับรถได้ ก็จะโทรบอกคุณย่าว่าไม่ค่อยได้ไปนะคะ คุณปู่ก็ยุ่งอยู่กับวัวที่เพิ่งซื้อมา คุณย่าก็วุ่นอยู่กับหลานที่ต้องเลี้ยง แต่เราก็คุยกันตลอด ว่าไม่ได้เจอกันไม่เป็นไร

และอีกอย่างเหตุผลที่โบว์ไม่ได้ไปบุรีรัมย์เลยก็คือแม่โบว์ป่วย ซึ่งก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ซึ่งเขาไม่ได้แค่ป่วยกาย แต่เขาป่วยใจด้วยไง (เสียงสั่น) มันก็เลยแบบ พอว่างก็จะไปหัวหิน เราไม่เคยเห็นแม่อยู่ในอาการจิตตกขนาดนี้ เพราะฉะนั้นก็บอกคุณย่าว่าไม่ค่อยได้ไปนะ ถ้าโบว์ว่างขอไปดูแม่โบว์ก่อน แค่นั้น ท่านก็เข้าใจ”

 

 

โบว์ยืนยันไม่มีปัญหากับทางครอบครัวปอ “ก็งงคนที่มาเมนต์ รู้จากไหน คือยังไง โบว์เชื่อมันนะคะว่า สหวงษ์ ทุกคน 3-5 ปีที่ผ่านมามันมีอยู่แล้วแหละที่ใครจะเข้าใจผิด แต่ด้วยความเป็นโบว์และน้อง คุณปู่คุณย่า ขอโทษคำเดียวคือจบ คือเราเรียนรู้จากการสูญเสียแล้วว่า การโกรธมันทำให้เสียเวลา ถ้าวันนึงใครคนนึงจากไป มันก็ย้อนเวลามาไม่ได้อีกแล้ว เพราะฉะนั้น สหวงษ์ ทุกคนคุยกันได้มีอะไรคุยกัน

ถึงแม้ว่าวันนี้โบว์จะเป็นสะใภ้ที่สามีตายไปแล้ว อาจจะไม่ได้แบบสนิทกันมาก และด้วยระยะที่ไกล แต่ขอให้เชื่อว่ายังเคารพและรักคุณปู่คุณย่าเหมือนเดิม กาวใจที่ดีที่สุดก็คือมะลิ และรวมไปถึง สหวงษ์ทุกคนจะคอยดูและรักษาสภาพจิตใจของมะลิ แล้วหลานทุกคนเราเลยคุยกันว่าถ้ามีอะไรจะเคลียร์กันในบ้าน จะไม่มีคนอื่น จะไม่ยอมเป็นเรื่องให้คนอื่นเม้าธ์สนุกปากหรือคิดกันเอง และสิ่งที่สำคัญคือสภาพจิตใจของมะลิและหลานเมื่อเขาโตไปแล้ว และต้องมาเสพข่าวแบบนี้ มีปัญหากันแล้วพูดออกสื่อ สิ่งนี้คือสิ่งที่สหวงษ์เราจะประคับประคองกันไปให้มากที่สุด และจะพยายามไม่ให้เกิดขึ้นเลย”