พ่อเมืองนครพนม เชิญชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสหนาวแรก ช่วงหยุดยาว 4 วัน ท่ามกลางสายหมอก-สายลมแม่น้ำโขง (คลิป)
15 พ.ย. 2563, 09:33
สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติให้ประกาศวันหยุดพิเศษเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายน 2563 และย้ายวันหยุดชดเชยในเดือนธันวาคม เพื่อให้ได้หยุดยาว 4 วัน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในเดือนพฤศจิกายน ครม.มีมติให้มีการประกาศวันหยุดเพิ่มเติม 2 วัน ได้แก่วันที่ 19 -20 พฤศจิกายน โดยให้เป็นวันหยุดราชการพิเศษ เมื่อรวมวันเสาร์อาทิตย์ จะทำให้ได้หยุดยาว 4 วัน คือ วันที่ 19-22 พฤศจิกายน
ส่วนเดือนธันวาคม ครม.มีมติให้เปลี่ยนแปลงวันหยุด คือ วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม ซึ่งเดิมเป็นวันหยุดชดเชยวันที่ 5 ธันวาคม ให้ย้ายไปหยุดวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคมแทน เพื่อให้จะมีวันหยุดยาว 4 วัน(รวมเสาร์อาทิตย์) คือวันที่ 10-13 ธันวาคม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่าช่วงวันหยุดดังกล่าวเป็นช่วงปิดเทอม ก็จะได้ไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว และได้สั่งการว่าในส่วนของภาครัฐที่มีหน้าที่ให้บริการประชาชน แม้จะเป็นวันหยุดก็ต้องมีการจัดเวรยามเพื่อให้บริการประชาชนตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดนครพนม ได้รับฉายาจากนักท่องเที่ยวหลายฉายามาก เช่น เมืองแห่งธรรม,เมืองแห่งพระธาตุ เพราะมีมากกว่า 20 พระธาตุ,เมืองแห่งกีฬา,เมืองแห่งสุขภาพ,เมืองแห่งความสุข,เมืองแห่งวัฒนธรรมประเพณี,ปอดอีสาน ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวงสรุปได้ว่าจังหวัดนครพนมเป็นเมืองแห่งความสุขกับวิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์ จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นหมู่คณะหรือครอบครัว มาสัมผัสความจริงอย่างไม่ขาดสาย
และในช่วงวันหยุดยาวถึง 4 วัน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ให้ลองไปเที่ยวเมืองชายแดนแห่งนี้ โดยเปิดเผยว่า” ตามมติ ครม. ให้มีวันหยุดยาว 4 วัน คือ 19-22 พฤศจิกายน 2563 อยากจะเรียนว่าหนาวแรกที่นครพนมตอนนี้อากาศดีมาก ตอนเช้าท้องฟ้าโปร่ง มานครพนมผมว่านอน 1 คืน อายุยืนเป็นสิบปี อากาศดีมาก pm 2.5 ก็ต่ำ ไม่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อ pm 2.5 เลย สัมผัสกับบรรยากาศสายหมอกและลมเบาๆจากลำน้ำโขง และมาดูแสงแรกพระอาทิตย์ของประเทศไทยในลำดับต้นๆ ผมว่าน่าจะต่อจากอุบลฯด้วยซ้ำ ที่เป็นแสงแรกในประเทศไทย เชิญมาพักผ่อน หรือออกกำลังกาย เรามีไบค์เลน ทางวิ่งครบเครื่อง จึงเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยรวมทั้งต่างประเทศด้วย มาใช้เวลาวันหยุดมาพักผ่อน มาชาร์ทแบตให้กับชีวิตของตัวเองให้กับร่างกายที่นครพนมเรายินดีต้อนรับครับ”
ล่าสุด สถานีอุตุนิยมวิทยานครพนม รายงานว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาว ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย
อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “หว่ามก๋อ” (พายุระดับ 5) บริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในเช้าวันนี้ (15 พ.ย. 63) หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน พายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางในช่วงวันที่ 15-16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ขอให้เกษตรกรบริเวณดังกล่าวเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 15-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส นครพนมมีเมฆเป็นส่วนมาก ฝน 20% ของพื้นที่
โดยจังหวัดนครพนมมีประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ว่า เป็นศูนย์กลางอาณาจักรศรีโคตรบูร นับเป็นเมืองชายแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของทิวทัศน์ และมีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ รวมทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมีพระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมือง และมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงเกือบ 100 กม. ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว
แต่เดิมนครพนมมีชื่อเต็มในจารึกสถาปนาวัดโอกาสศรีบัวบานว่า เมืองนครบุรีราชธานีศรีโคตรบูรหลวง เคยเป็นราชธานีที่มีกษัตริย์และเจ้าผู้ครองนครปกครองมาก่อนหลายสมัย แต่ในเอกสารของล้านช้างส่วนใหญ่ออกนามว่าเมืองลครหรือเมืองนคร เดิมทีนั้นมีพื้นที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงหรือเมืองเก่าท่าแขก บริเวณหมู่บ้านสีโคดรอบๆ วัดพระธาตุศรีโคตรบูร หรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่าพระธาตุศรีโคตรบอง
ต่อมาปี 2321 ตรงกับสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ย้ายมาอยู่ฝั่งขวาที่เมืองเก่าหนองจันทน์ ปัจจุบันยังเรียกบริเวณนี้ว่าบ้านเมืองเก่า จากนั้นย้ายขึ้นไปทางตอนเหนือที่บ้านโพธิ์คำ คือตัวเมืองนครพนมในปัจจุบัน แต่เดิมเรียกว่าเมืองมรุกขนคร ซึ่งเป็นการกลับไปใช่ชื่อเก่าสมัยครั้งยังรุ่งเรือง เคยมีหัวเมืองในปกครองอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันของจังหวัดนครพนม, มุกดาหาร, แขวงคำม่วน, แขวงสะหวันนะเขต ส่วนใหญ่ของจังหวัดบึงกาฬ และบางอำเภอของจังหวัดสกลนครกับแขวงบอลิคำไซ ก่อนจะขึ้นตรงต่อไปยังเวียงจันทน์
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกตีเมืองนครเวียงจันทน์ได้แล้ว ในระหว่างปี พ.ศ. 2329-2333 เจ้าเมืองนครพนมหรือเมืองศรีโคตรบองได้ทูลเกล้าถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองแก่สยามในฐานะนครประเทศราช ชื่อของดินแดนนี้จึงได้รับพระราชทานนามเป็น "นครพนม" สันนิษฐานว่านามนี้มาจากนครพนมเป็นเมืองที่มีพื้นที่ติดต่อกับทิวเขามากมายทางฝั่งซ้าย ซึ่งเดิมเคยเป็นพื้นที่หัวเมืองหรืออำเภอที่ขึ้นต่อนครพนม และเชื่อว่าการมีชื่อ "นคร" นำหน้านี้ทำให้เมืองอยู่ในระดับฐานะเมืองลูกหลวง
หลังเสร็จสิ้นสงครามเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ลดฐานะเมืองนครพนมเป็นหัวเมืองชั้นเอก ด้วยความเป็นอาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาเก่าก่อน ประกอบกับแม่น้ำโขงเป็นแหล่งวัฒนธรรมของมนุษย์ชาติจากหลายชนเผ่า ดังนั้น นครพนมจึงมีโบราณสถานจำนวนมาก และมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์
จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงเขตแดนหลายครั้งจากการจัดระเบียบหัวเมือง ยกหัวเมืองใหญ่บางเมืองที่เคยให้ขึ้นต่อนครพนมไปขึ้นต่อมณฑลอุดรโดยตรงเช่นเมืองมุกดาหาร เมืองหนองสูงเป็นต้น จนกระทั่งปี พ.ศ. 2436 ข้าหลวงฝรั่งเศสและกองทัพ ได้แบ่งเอาพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงไปทั้งหมดและภายหลังได้ผนวกรวมกับประเทศสหภาพอินโดจีนแห่งฝรั่งเศส (Union indochinoise) ได้แก่พื้นที่ปัจจุบันในแขวงคำม่วน, แขวงสะหวันนะเขต และเมืองปากกระดิง เมืองคำเกิดที่ย้ายจากสังกัดแขวงคำม่วนไปขึ้นกับแขวงบอลิคำไซ(รวมทั้งเมืองเวียงทองและไซจำพอนที่แยกออกมาภายหลัง) ทำให้จังหวัดนครพนมเหลือเพียงพื้นที่ฝั่งขวา ส่งผลให้เกิดการปฏิรูปและออก พ.ร.บ.การปกครองรูปแบบใหม่ ยกระดับหัวเมืองต่างๆ ขึ้นเป็นอำเภอและขึ้นต่อจังหวัดนครพนม ฯลฯ