วันนี้ (16 พ.ย. 2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยถึงการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ว่า เป็นเรื่องที่สำคัญจึงอยากกราบเรียนประชาชนคนไทยด้วย ว่าประเทศไทยวันนี้เป็นหนึ่งในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ และภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคที่สำคัญของโลก ด้วย ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ทั้งหมดรวมกันก็สูงอันดับต้น ๆ ของโลกเป็นอันดับที่ 5 เพราะเรามีคนและมีศักยภาพเยอะพอสมควรในส่วนของ 10 ประเทศของเรา สำหรับการประชุมที่ผ่านมาของสมาชิกอาเซียนจึงมีหลายสิบการประชุมด้วยกัน โดยสิ่งที่น่ายินดีคือการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) สามารถลงนามกันได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวเดินหน้าทำกันมา 8 ปีแล้ว แต่เจรจาทำได้น้อยมาก ตนจึงผลักดันตั้งแต่การประชุมครั้งที่ผ่านมา มีนโยบายต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลก่อนจนรัฐบาลนี้ได้มีการประชุมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งได้ข้อสรุปตกลงกันว่าเราจะร่วมมือกัน ซึ่งอินเดียยังไม่พร้อมอยู่ประเทศเดียวก็ไม่เป็นไร วันหน้าเขาคงเข้ามา อย่างน้อยเราร่วมมือกันได้แล้วในระยะแรก ก็ดีใจที่ได้ลงนามร่วมกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากเรียนว่าข้อตกลง RCEP ที่มีการลงนามร่วมกัน ท่านผู้นำและคู่เจรจาหลายฝ่ายด้วยกันที่อยู่ในคณะ ซึ่งการลงนามดังกล่าวเป็นข้อตกลงการค้าในภูมิภาคที่จะช่วยเราในเรื่องการส่งออกสินค้า Made in Thailand ทั่วทั้งภูมิภาค รวมถึงญี่ปุ่น จีน เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และทั้งอาเซียน ที่จะสร้างงานและรายได้ให้ประเทศของเรา วันนี้ข้อตกลงทวิภาคีบางอย่างยังค่อนข้างไม่ทันสมัย เพราะวันนี้มีการรวมกลุ่มมากขึ้น มีข้อตกลงสัญญาการค้ามากขึ้น เขาจะเน้นในเรื่องพหุภาคี หลายประเทศมีข้อตกลงร่วมกัน ก็มีทั้งได้และเสียแลกเปลี่ยนกันไปมา อะไรต้องเสียรัฐบาลต้องดูแลผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนตรงนี้ นั่นคือการเจรจาข้อตกลงทางการค้า เราไม่ต้องการให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนจากการเจรจาใด ๆ ทั้งสิ้น จึงต้องหามาตรการที่จะแก้ปัญหาและอุปสรรคขึ้น ทุกอย่างไม่มีอะไรได้หมดหรือเสียหมด