ผู้สื่อข่าวONB newsรายงานว่าความคืบหน้าจากกรณีเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 23พ.ย.63 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโซเชียลมีเดียลต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ตได้มีเผยแพร่วีดิโอคลิปความยาวประมาณ 2 นาที ซึ่งเป็นภาพภายในบ้านหลังหนึ่ง ในภาพดังกล่าวปรากฏว่ามีคนร้ายเป็นชาย สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขาสามส่วน เข้าไปภายในห้อง ซึ่งมีชายสูงอายุอาศัยอยู่เพียงลำพัง โดยชายสูงอายุได้พยายามยามป้องกันตัวและทรัพย์สิน โดยได้ถือไม้พร้อมตะโกนไล่ให้คนร้ายออกไปจากห้อง ขณะที่คนร้ายพยายามเดินวนหาทรัพย์สิน ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่นานคนร้ายได้เดินกลับเข้ามาพร้อมเก้าอี้พลาสติก มีการใช้เก้าอี้ดันจนชายสูงวัยล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง จนชายชราร้องลั่น ก่อนคนร้ายจะรีบเดินเข้าไปล้วงหาทรัพย์สินในตัวชายชรา จากนั้นพยายามรื้อค้นทรัพย์สินที่เตียงนอน ก่อนที่จะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.58 น. ของวันที่ 21 พ.ย.63 ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดภายในบ้านหลังหนึ่ง บนถนนโกมารภัจน์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังเกิดเหตุญาติของชายสูงวัยได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ต อยู่ระหว่างการหาเบาะแส เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
 

ความคืบหน้า ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้( 24 พ.ย.63 )ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง บ้านเลขที่28 ถ.โกมารภัจจ์ ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ซึ่งบ้านหลังเกิดเหตุพบว่า ชายชราผู้ประสบเหตุ หรือ คุณตาฉุ้นก้อง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 83 ปี ยังคงพักอาศัยอยู่ในบ้าน โดยมีนายวิสุจ บุญช้าง ประธานชุมชนโกมารภัจจ์ และหลานๆเดินทางมาเยี่ยมและสอบถามอาการ ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า คุณตาฉุ้นก้อง มีอาการปวดหลังจากการกระแทก ซึ่งในวันนี้จะพาคุณตาไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย

 

นายวิสุจ บุญช้าง ประธานชุมชนโกมารภัจจ์ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ตนเองได้ทราบข่าวจากชาวบ้านที่เข้าไปแจ้ง ว่ามีผู้ร้ายเข้ามาบุกรุกในพื้นที่บ้านคุณตาฉุ้นก้อง ซึ่งคุณตาฉุ้นก้องนับว่าเป็นบุคคลที่คุ้นเคยกับคนในชุมชนโกมารภัจจ์ โดยปกติเมื่อคุณตาไปไหนมาไหน เช่น เวลามาซื้อของก็ที่ร้านค้าในชุมชนจะกำชับให้ระมัดระวังในการเก็บเงิน ถ้าเกิดมีใครที่คิดไม่ดีเห็นเข้าก็จะเป็นอันตรายกับคุณตาได้ เมื่อตนเองได้ดูจากคลิปวิดิโอ ก็รู้สึกสงสารอย่างมากจึงรีบไปหาตำรวจเพื่อแจ้งความ และ จากนั้นก็นำรูปและคลิปมาให้ชาวบ้านดู เพื่อสักถามถึงผู้ร้ายว่ามีใครพบเจอหรือเห็นบ้าง เพื่อช่วยชี้เบาะแสให้กับทางเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับบุคคลอื่นอีกต่อไป ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าคนร้ายรายนี้ไม่ใช่คนในชุมชน ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน