เช้าวันนี้ 6 ธันวาคม 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีเป็นประธานประชุมส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาและเยียวยาฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีชายคลั่งทำร้ายร่างกายและ ทำร้ายผู้อื่นจนเสียชีวิต 2 รายบาดเจ็บ 6 รายเหตุเกิดเมื่อวานนี้รวม 6 จุด ที่อุดรธานี

 

 

โดยในเบื้องต้น ยุติธรรมจังหวัดอุดรธานีจะนำเงินเยียวยาไปมอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 110,000 บาท  หน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานีได้ลงไปเยียวยาฟื้นฟูจิตใจและนำเงินไปมอบให้กับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต

 

 

นอกจากนี้จังหวัดอุดรธานีได้มีหนังสือสั่งการด่วนไปยังทุกอำเภอในจังหวัดอุดรธานีให้มีการเฝ้าระวัง เหตุการณ์อาจจะเกิดซ้ำซ้อนและให้มีการเยียวยาจิตใจของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี โดยเร่งด่วน พร้อมทั้งตั้งเฉพาะกิจออกตรวจสอบ และประเวณตามจุดสำคัญสำคัญตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

ด้านจิตแพทย์ชี้แจงในที่ประชุมว่าเบื้องต้นผู้ก่อเหตุสามารถตอบคำถามได้ดีไม่ได้ให้การสับสนเมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่ก่อเหตุผู้ต้องหาอ้างว่าให้การไม่ได้จำไม่ได้ตามที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่ามีประวัติการรักษาทางด้านจิตเวชจากการค้นหาข้อมูลพบว่าตัวผู้ก่อเหตุไม่มีประวัติการรักษาในด้านจิตเวชเลยทั้งในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีขอนแก่นเมื่อคืนฟลุ๊คไปถึงคำให้การในสำนวนตำรวจที่เขาอ้างว่ามีประวัติการรักษาที่จังหวัดปราจีนบุรีเมื่อเช็คไปที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศรซึ่งดูแลรักษาผู้ป่วยทางด้านจิตเวชก็ไม่พบข้อมูลในการรักษาตอนนี้ยังฟันธงไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมีประวัติทางด้านจิตเวชหรือเปล่าแต่มีประวัติการใช้สารเสพติดและดื่มแอลกอฮอล์

 

 

อย่างไรก็ตามในเรื่องการตรวจสภาพจิตและประเมินผลการตรวจปัสสาวะผลตรวจตรวจเลือดต้องขอเวลายืนยันข้อมูลที่แน่ชัดอีกครั้งหนึ่งอย่างไรก็ตามมีการนัดตัวผู้ก่อเหตุตรวจสภาพจิตอีกครั้งเพื่อพิจารณาประเมินสภาพจิตโดยนักจิตวิทยาโดยเฉพาะอีกครั้งหนึ่ง

 

 

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเปิดเผยหลังที่ประชุมว่าผู้ก่อเหตุมีสติสัมปชัญญะดีแต่เราต้องการหลักฐานทางการแพทย์มาประกอบจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งไปที่โรงพยาบาลอุดรธานีเพื่อทำการตรวจสภาพร่างกาย เพราะเราเชื่อว่าในขณะที่ก่อเหตุทำการจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีพยานหลักฐานในการประกอบคดีผู้ก่อเหตุมีสติสัมปชัญญะดีหรือไม่จุดนี้คือประเด็นสำคัญใช้ประกอบดำเนินคดีซึ่งจากนี้ก็คงต้องรอผลสำหรับการรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้เรามีประจักษ์พยานครบถ้วนเชื่อว่าพยานหลักฐานที่ตำรวจได้มาจะเพียงพอใช้ในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ได้  ยังไงก็ดีเชื่อว่าการพิจารณาในชั้นศาลน่าจะลงโทษบทหนัก