สถานการณ์ลักลอบข้ามชายแดนในขณะนี้ เรียกได้ว่ายังหนักหน่วง นอกจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ต้องเหนื่อยเพิ่มกำลังตระเวนตรวจเข้มตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ยังกลายเป็นภาระเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลตามชายแดน ที่ต้องกลับมาปฏิบัติภารกิจหนักกันอีกครั้ง หลังมีผู้ลักลอบจากฝั่งประเทศเมียนมาทั้งชาวไทย และต่างด้าว ที่นำเชื้อโควิด-19 เข้ามาซ้ำเติมประเทศไทย ไม่เพียงแค่นั้น ล่าสุดคนไข้ยังมีการโกหกประวัติ แกล้งเจ้าหน้าที่จนหัวหมุนเลยทีเดียว   

โดยที่เพจเฟซบุ๊กเรื่องเล่าหมอชายแดน ของคุณหมอโรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก มีการขึ้นข้อความระบุว่า ทางโรงพยาบาลขอความร่วมมือประชาชนในชายแดนทุกพื้นที่ ช่วยเป็นหูเป็นตา มีใครข้ามแดนไปฝั่งเมียนมาให้แจ้งตำรวจ ตม. ภูธร อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทันที ชายแดนเรามันยาก ทุกวันนี้จับกันวันละ 10 - 30 คน จนห้องขังที่สถานีตำรวจ และเรือนจำเต็มไปด้วยคนพวกนี้ หลบหนีเข้าเมืองตรึงกำลังกันมาเกือบปี คนที่ไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่ให้ความร่วมมือ ก็ยังดันทุรังทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง บางคนก็ปากว่าตาขยิบ พูดอย่างทำอย่าง วันนี้สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นแล้ว
 

ก่อนหน้านี้มีเคสบวก ที่ล้วนแล้วแต่นำเข้ามาจากชายแดน ซึ่งโชคดีทุกครั้งที่เราตะครุบทัน แต่เมื่อวานมีคนไทยติดเชื้อ และเป็นปอดอักเสบรุนแรง อาการหนักมาก เป็นเพียงคนแก่อายุเกือบ 80 ปี ที่ให้ประวัติว่าอยู่แต่ในบ้าน บอกอะไรเรามากมายกับเหตุการณ์นี้  เขาไปเอาเชื้อจากเมียนมาเข้ามา ถ้าเขาโกหกประวัติ ปล.เกือบทุกเคสที่เราสอบสวนมาพวกเขาโกหก หรือ มีคนเอาเชื้อเข้ามาฝากเขาซึ่งก็อาจจะเป็นคนในครอบครัว หรือในพื้นที่เรามีการกระจายเชื้อออกไปแล้ว ประเด็นข้อสามนี่น่ากลัวที่สุด 

และเนื่องจากการสอบสวน เราต้องทำรวดเร็วและป้องกันเป็นวงกว้างจึงต้องประกาศพื้นที่เสี่ยงไปก่อน เพื่อประชาชนจะได้ป้องกันตัวหลังสอบสวนแน่ชัดจึงออกประกาศโดยกระทรวงสาธารณสุข และแถลงการณ์ คนไข้แต่ละคนก็โกหกประวัติแกล้งเจ้าหน้าที่จนหัวหมุน อย่างรายเคสคนเมียนมาอาชีพค้าขายรถ แต่มีวีซ่าอยู่ในไทย บอกว่าไป 7-11 ที่ริมเมยหลายครั้ง ทางร้าน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องไปดูกล้อง CCTV ตั้งหลายชั่วโมง แล้วไม่พบ 

 

จึงขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ร้าน 7-11 สาขาริมเมยใกล้สะพาน 1 ไม่มีการสัมผัสผู้ป่วย สามารถใช้บริการได้ตามปกติ